อวดพระนามพระเจ้า

อวดพระนามพระเจ้า

สดุดี 20:7 “บ้างก็โอ้อวดเรื่องรถรบ บ้างก็เรื่องม้า แต่เราอวดเรื่องพระนามพระเจ้าของเรา”

   ปี2020นี้ เป็นปีที่โลกตื่นเต้นกับโลกดิจิตัลเทคโนโลยี นวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์มากมายหลายสิ่ง เช่น 5G ,AI ,Big Data ,Internet of think ,Block Chain จนอาจทำให้เราหลงไปว่า มนุษย์มีความสามารถเกินพระเจ้าไปแล้ว

   ความเป็นจริงแล้วพระเจ้าสร้างให้มนุษย์นั้นมีลักษณะที่คล้ายกับพระเจ้าตั้งแต่ปฐมกาล (ปฐก1:28 ตามพระฉายาของพระองค์) และให้เขามีความสามารถมาก (ปฐก1:28 ให้มีความสามารถเกิดผลทวี ให้มีอำนาจเหนือแผ่นดิน ให้ครอบครองสรรพสิ่ง) ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่โลกจะเจริญขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์ (ปฐก 11:6 เขาตั้งใจจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น)

   หากแต่ว่าผู้ที่ไม่เข้าใจเบื้องหลังนี้ ก็ต้องคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ตนคิดและทำขึ้นมาได้ด้วยความสามารถของเขาเอง แต่ถ้าผู้ที่เข้าใจเรื่องพระเจ้าผู้สร้างโลกและมนุษย์ จะเข้าใจว่า ความสามารถทุกสิ่งนั้นมาจากพระเจ้า(1โครินธ์ 11:12 สิ่งสาระพัดก็มาจากพระเจ้า และ2โครินธ์ 3:5 มิใช่เราจะคิดถือว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดจากความสามารถของเราเอง แต่ว่าความสามารถของเรามาจากพระเจ้า)

   ฉะนั้นปีใหม่นี้ ให้เราค้นให้พบว่าพระเจ้าได้ใส่สิ่งดีอันใดเข้ามาในชีวิตของเราเมื่อเราได้เชื่อพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ แล้วเชื่อตาม และดำเนินตามนั้น แล้วเราจะเห็นทุกสรรพสิ่งที่พระองค์สัญญาว่าท่านจะได้รับผ่านทางความเชื่อ(ยอห์น 11:40 ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า) แล้วท่านจะได้อวดพระนามของพระองค์ผู้ทรงเป็นความสามารถที่อยู่ในท่าน (1ยอห์น4:4 เพราะพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านนั้นยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก) ให้ปีนี้ให้เราได้อวดพระนามของพระเจ้าด้วยกัน เอเมน!!!

คริสเตียนกับความสุขในการรับใช้พระเจ้า

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

คริสเตียนกับความสุขในการรับใช้พระเจ้า

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่  2 มิถุนายน 2019

ข้อพระคัมภีร์    มัทธิว 28:18-20    18
พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี
ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว 19
เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา
ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20
สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้
นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”

1.คริสเตียนบางคนขาดความสุขในการรับใช้

  • 1 เปโตร 2:9    แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว
    เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์
    ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด
    เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์

2. คริสเตียนต้องเข้าใจเรื่องการรับใช้อย่างถูกต้อง

  • เข้าใจว่าพระเจ้าประทานความสุขและความชื่นชมยินดีแก่เราแล้ว
  • ยอห์น 14:27    เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย
    สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้
    ….
  • ฟิลิปปี 4:4-7   4จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด …
  • เข้าใจว่าการรับใช้พระเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐ
    (ปัญญาจารย์ 3:1-4)  (สดุดี 26:2)  (สดุดี 50:15)    
  • มีแรงจูงใจที่ถูกต้อง
    (มัทธิว
    23:12
     ผู้ใดจะยกตัวขึ้น
    ผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง ผู้ใดถ่อมตัวลง ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น)
  • มีทักษะเพียงพอและจำเป็นในการรับใช้พระเจ้า
  • มองเห็นความสำเร็จ
  • อิสยาห์ 49:6  ….เราจะมอบให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
    เพื่อความรอดของเราจะถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
  • มัทธิว
    24:14  ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
    จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ …
  • โยชูวา
    23:14   “บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังจะเป็นไปตามทางของโลกแล้ว
    ท่านทุกคนได้ทราบในจิตในใจของท่านแล้วว่าไม่มีสักสิ่งเดียว ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านแล้วล้มเหลวไป
    สำเร็จหมดทุกอย่าง ไม่มีสักอย่างเดียวที่ล้มเหลว

3. มุมมองที่ถูกต้องในการรับใช้พระเจ้า

  • มองพระเจ้า  ( สุภาษิต
    24:10 ) (สดุดี 145:14)  (โรม14:17)
  • สดุดี 40:16   ขอให้บรรดาผู้แสวงหาพระองค์
    เปรมปรีดิ์และยินดีในพระองค์ ขอให้บรรดาผู้ที่รักความรอดของพระองค์
    กล่าวเสมอว่า “พระเจ้าใหญ่ยิ่งนัก”
  • มองตนเอง   (ฟิลิปปี 4:8  ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย
    ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม
    สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ
    สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู)
  • มองผู้อื่น   ( โรม 3:23  , เอเสเคียล 37:1-14)
  • เอเฟซัส 4:13   จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่
    คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
  • มองงานรับใช้พระเจ้า  ( 1 โครินธ์
    12:28)
  • มัทธิว 10:42   และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่ง
    ให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นศิษย์ของเรา
    เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้”

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

ชีวิตดีขึ้นทันที?

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

จงเลือกทางแห่งชีวิตและพระพร

เฉลยธรรมบัญญัติ 30: 19-20

19  ข้าพเจ้าขออัญเชิญสวรรค์และโลกให้เป็นพยานต่อท่านในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิตเพื่อท่านและลูกหลานของท่านจะได้มีชีวิตอยู่

20  ด้วยมีความรักต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และติดพันอยู่กับพระองค์ กระทำเช่นนั้นจะได้ชีวิตและความยืนนาน เพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่าน คือแก่อับราฮัมแก่อิสอัค และแก่ยาโคบว่า จะประทานแก่ท่านเหล่านั้น”

 

 มนุษย์คู่แรกก็ได้เลือกในสิ่งที่ผิด เขาเลือกที่จะไม่เชื่อฟังพระเจ้า แทนที่เขาจะได้เป็นบิดามารดาแห่งพระพร แต่เขากลับนำคำแช่งสาป บาป และความตายมาถึงโลกนี้แทน แต่โดยพระคุณของพระเจ้าที่ทรงรักเราพระองค์ได้ทรงไถ่เราจากคำแช่งสาปนี้ และทำให้เราได้รับพระพรผ่านทางพระเยซูคริสต์ 

ดังนั้นเราจึงสามารถเลือกที่จะเป็นคนแห่งพระพรได้ 

มีเพียงพระเยซูเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ประทานชีวิต และพระพรให้แก่เรา คือชีวิตที่ครบบริบูรณ์ สิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกทางแห่งชีวิตและพระพร คือ ชีวิตที่รักและผูกพันกับพระเจ้า และเชื่อฟังพระเจ้า  หากเราไม่ดำเนินชีวิตที่รักผูกพันกับพระเจ้า ก็อาจจะมีสิ่งอื่นที่ทำให้เราหลงปเลือกสิ่งที่นำมาซึ่งความตาย หรือไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้า เพราะความรักโลก ทำให้เราเลือกผิด ดังนั้น เมื่อพระเยซูได้ทำพระราชกิจในการช่วยกู้ และนำพระพรมาสู่ชีวิตของเราสำเร็จแล้ว ในส่วนของเรา เราก็ต้องรักษาชีวิตให้อยู่ในเส้นทางของพระเจ้า โดยมีใจรักและผูกพันกับพระเจ้า และเชื่อฟังพระเจ้า ถ้าพระเจ้าเป็นจริง ให้เลือกพระเจ้า อย่าลืมว่าสิ่งที่เราได้รับ ไม่ใช่ผลลัพธ์ของสถาการณ์ แต่เป็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจ ดังนั้น เลือกให้ถูกครับ!

 

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

แผ่นดินพระเจ้าทำงานอย่างไร

แผ่นดินพระเจ้าทำงาน?

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2019

ข้อพระคัมภีร์ มาระโก 4:1-12

  • คำว่า อาณาจักร หมายถึง ขอบเขต ดินแดนที่เป็นภาพทางภูมิศาสตร์ และมีพลเมือง กับผู้ปกครอง อยู่ร่วมกันโดยมีข้อตกลง
  • อาณาจักรที่แท้จริง และถาวร คืออาณาจักรฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า แต่ถูกปล้น ผู้คนให้กลายเป็นผลเมืองของมาร
  • พระเจ้าได้เข้ามายึดคืนผ่านทางผู้หว่าน คือพระเยซูคริสต์แล้วอาณาจักรของพระเจ้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
  • มาระโก 1:14-15 “…และแผ่นดินของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐเถิด”
  • เรื่องแผ่นดินของพระเจ้ามันเป็นเรื่องโลกฝ่ายวิญญาณ (1โครินธ์ 10:20 “เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้า..เป็นเรื่องฤทธิ์เดช”)
  • แผ่นดินของพแผ่นดินพระเจ้าทำงาน?
    คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2019
    ข้อพระคัมภีร์ มาระโก 4:1-12
    • คำว่า อาณาจักร หมายถึง ขอบเขต ดินแดนที่เป็นภาพทางภูมิศาสตร์ และมีพลเมือง กับผู้ปกครอง อยู่ร่วมกันโดยมีข้อตกลง
    • อาณาจักรที่แท้จริง และถาวร คืออาณาจักรฝ่ายวิญญาณของพระเจ้า แต่ถูกปล้น ผู้คนให้กลายเป็นผลเมืองของมาร
    • พระเจ้าได้เข้ามายึดคืนผ่านทางผู้หว่าน คือพระเยซูคริสต์แล้วอาณาจักรของพระเจ้าก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
    • มาระโก 1:14-15 “…และแผ่นดินของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐเถิด”
    • เรื่องแผ่นดินของพระเจ้ามันเป็นเรื่องโลกฝ่ายวิญญาณ (1โครินธ์ 10:20 “เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้า..เป็นเรื่องฤทธิ์เดช”)
    • แผ่นดินของพระเจ้าเป็นเมล็ดข่าวประเสริฐ ที่เข้ามาในชีวิตแล้วมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดในวิญญาณภายในผู้เชื่อ
    • 2โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
    1. คนที่พระวจนะทำงานผ่านไม่ได้ (ข้อ 4-7)
    1.1 มารช่วงชิงไป (ข้อ4) พอจะฟังคำเทศนา ก็ปิดหูเสียแล้ว คิดว่ารู้แล้ว หรือสิ่งอื่นในเวลานั้นสำคัญกว่าการฟังพระวจนะ
    1.2 ฉาบฉวยไม่จริงจัง (ข้อ 5-6) ไม่จริงจังต่อพระวจนะ เมื่อไม่ได้รับประโยชน์ หรือ เริ่มถูกท้าทายให้เหยีอดออกก็ละทิ้ง
    1.3 รักโลก (ข้อ 7-9) มัทธิว 6:33-34 “33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ 34″เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว”
    2. คนที่พระวจนะทำงานผ่านได้ (ข้อ 8)
    • กุญแจของดินดี คือ ได้ยิน และรับไว้ หากเราไม่ฟัง หรือดูเหมือนฟังมันก็ไม่เกิดผลสมบูรณ์ (ยอห์น 10:10)
    • เมล็ดเต็มร้อยสมบูรณ์อยู่แล้ว และพร้อมที่ออกผล ตามชนิดของมัน
    • แต่ที่สำคัญคือ ดิน หรือใจของเราว่าเราได้เห็นคุณค่าเมล็ด เท่ากับที่เมล็ดมีคุณค่าหรือไม่
    • เพราะพระเจ้าให้พระวจนะของพระองค์เป็นปัญญาของมนุษย์
    • สุภาษิต 4:7-9 “7ที่เริ่มต้นของปัญญาเป็นอย่างนี้คือจงเอาปัญญาแม้เจ้าจะได้อะไรก็ตาม จงเอาความรอบรู้ไว้ 8จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้าถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้ ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า 9เธอจะเอามงคลงามสวมศีรษะเจ้า จะให้มงกุฎงามแก่เจ้า”
    • หากเราเข้าใจ เมล็ดแห่งอาณาจักร มันจะเกิดผล 100เปอร์เซ็นต์
    • สุภาษิต 3:13-16 “13มนุษย์ผู้ประสบปัญญา และผู้ได้ความเข้าใจ เป็นสุขจริงหนอ 14เพราะผลที่ได้จากปัญญา ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ 15ปัญญาประเสริฐกว่าทับทิม และบรรดาสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะเปรียบกับปัญญาไม่ได้ 16ชีวิตยืนยาวอยู่ที่มือขวาของปัญญา และที่มือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติยศ”
    • โคโลสี 1:13 “พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายเรามาตั้งไว้ในแผ่นดินแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์”
    • เราพ้นจากอำนาจและผลของความมืดของมารแล้ว และสิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ เราถูกย้ายจากอาณาจักรของความมืด มาสู่อาณาจักรใหม่คืออาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของความสว่างผ่านทางพระเยซูคริสต์เรียบร้อยแล้ว
    • นั้นหมายถึง สิทธิของคุณในการเกิดผลคือเต็ม100ระเจ้าเป็นเมล็ดข่าวประเสริฐ ที่เข้ามาในชีวิตแล้วมีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดในวิญญาณภายในผู้เชื่อ
  • 2โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
  1. คนที่พระวจนะทำงานผ่านไม่ได้ (ข้อ 4-7)
    • มารช่วงชิงไป (ข้อ4) พอจะฟังคำเทศนา ก็ปิดหูเสียแล้ว คิดว่ารู้แล้ว หรือสิ่งอื่นในเวลานั้นสำคัญกว่าการฟังพระวจนะ
    • ฉาบฉวยไม่จริงจัง (ข้อ 5-6) ไม่จริงจังต่อพระวจนะ เมื่อไม่ได้รับประโยชน์ หรือ เริ่มถูกท้าทายให้เหยีอดออกก็ละทิ้ง
    • รักโลก (ข้อ 7-9) มัทธิว 6:33-34 “33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ 34“เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว”
  2. คนที่พระวจนะทำงานผ่านได้ (ข้อ 8)
  • กุญแจของดินดี คือ ได้ยิน และรับไว้ หากเราไม่ฟัง หรือดูเหมือนฟังมันก็ไม่เกิดผลสมบูรณ์ (ยอห์น 10:10)
  • เมล็ดเต็มร้อยสมบูรณ์อยู่แล้ว และพร้อมที่ออกผล ตามชนิดของมัน
  • แต่ที่สำคัญคือ ดิน หรือใจของเราว่าเราได้เห็นคุณค่าเมล็ด เท่ากับที่เมล็ดมีคุณค่าหรือไม่
  • เพราะพระเจ้าให้พระวจนะของพระองค์เป็นปัญญาของมนุษย์
  • สุภาษิต 4:7-97ที่เริ่มต้นของปัญญาเป็นอย่างนี้คือจงเอาปัญญาแม้เจ้าจะได้อะไรก็ตาม จงเอาความรอบรู้ไว้ 8จงตีราคาปัญญาให้สูง และปัญญาจะยกย่องเจ้าถ้าเจ้ากอดปัญญาไว้ ปัญญาจะให้เกียรติเจ้า 9เธอจะเอามงคลงามสวมศีรษะเจ้า จะให้มงกุฎงามแก่เจ้า”
  • หากเราเข้าใจ เมล็ดแห่งอาณาจักร มันจะเกิดผล 100เปอร์เซ็นต์
  • สุภาษิต 3:13-1613มนุษย์ผู้ประสบปัญญา และผู้ได้ความเข้าใจ เป็นสุขจริงหนอ 14เพราะผลที่ได้จากปัญญา ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ 15ปัญญาประเสริฐกว่าทับทิม และบรรดาสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะเปรียบกับปัญญาไม่ได้ 16ชีวิตยืนยาวอยู่ที่มือขวาของปัญญา และที่มือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติยศ”
  • โคโลสี 1:13 “พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และได้ทรงย้ายเรามาตั้งไว้ในแผ่นดินแห่งพระบุตรที่รักของพระองค์”
  • เราพ้นจากอำนาจและผลของความมืดของมารแล้ว และสิ่งที่เราต้องเข้าใจคือ เราถูกย้ายจากอาณาจักรของความมืด มาสู่อาณาจักรใหม่คืออาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของความสว่างผ่านทางพระเยซูคริสต์เรียบร้อยแล้ว
  • นั้นหมายถึง สิทธิของคุณในการเกิดผลคือเต็ม100

 

 

เดินในความสว่าง

เดินในความสว่าง

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2019

ข้อพระคัมภีร์ สดุดี 36:9 “เพราะน้ำพุแห่งชีวิตอยู่กับพระองค์ เราเห็นความสว่างโดยความสว่างของพระองค์”

1. เพราะความสว่างของพระเจ้าอยู่ในเรา

* ยอห์น 1:4 พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์

* 2 โครินธ์ 6:14 ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร

2. เพื่อเราจะส่องสว่างให้ผู้อื่น

* เอเฟซัส 5:8 เพราะว่าเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง

* การที่คนเห็นความสว่างในตัวเรา เขาจะเห็นความรักของพระเจ้าในตัวเรา และในที่สุดเขาจะได้มารู้จักความรักของพระเจ้า

* ยอห์น 12:35 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ความสว่างจะอยู่ไปกับท่านทั้งหลายอีกหน่อยหนึ่ง เมื่อยังมีความสว่างอยู่ก็จงเดินไปเถิด เกรงว่าความมืดจะตามมาทันท่าน ผู้ที่เดินอยู่ในความมืด ย่อมไม่รู้ว่าตนไปทางไหน

* เอเฟซัส 2:10 เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ

* การส่องสว่างให้คนเห็นคือการเดินในความสว่างอยู่เสมอ ในเส้นทางชีวิตคริสเตียนของเรามีสิ่งใดที่เราเคยทำ แต่วันนี้ไม่ได้ทำ เราต้องพิจารณาตัวเราเองและเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าเสมอ และพระวจนะจะทำเราเดินในทุกเส้นทาง

* สดุดี 109:105 พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์

* 1ยอห์น 2:9 ผู้ใดที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง และยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด

3. ผลของการเดินในความสว่าง

* เราจะได้รับความสว่างขึ้นถ้าเราเดินในความสว่าง ( 2 เปโตร 1:19-20 19 …จะเป็นการดีถ้าท่านทั้งหลายจะถือตามคำนั้น เพราะคำนั้นเป็นเสมือนแสงประทีปที่ส่องสว่างในที่มืด จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวประจำรุ่งจะผุดขึ้นในใจของท่าน..)

* เราจะรู้เส้นทางของพระเจ้า (ยอห์น12:35 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ความสว่างจะอยู่ไปกับท่านทั้งหลายอีกหน่อยหนึ่ง เมื่อยังมีความสว่างอยู่ก็จงเดินไปเถิด เกรงว่าความมืดจะตามมาทันท่าน ผู้ที่เดินอยู่ในความมืด ย่อมไม่รู้ว่าตนไปทางไหน)

* ชีวิตเราจะไม่สะดุด (ยอห์น11:10 แต่ถ้าผู้ใดเดินในตอนกลางคืนเขาก็จะสะดุด เพราะไม่มีความสว่างในตัวเขา )

* เราจะเป็นคำพยานที่ดี (กิจการ 13:47 ด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งเราอย่างนี้ว่า “เราได้ตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างของคนต่างชาติเพื่อเจ้าจะเป็นเหตุให้คนทั้งหลายรอด ถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก )

* เราจะได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น (1ยอห์น1:7 แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน…)

* เราจะได้รับพระพร (โคโลสี 1:12 ให้ขอบพระคุณพระบิดา ผู้ทรงทำให้เราทั้งหลายสมกับที่จะเข้าส่วนได้รับมรดกด้วยกันกับธรรมิกชนในความสว่าง)

 

สรุป ไม่เพียงพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นความสว่าง เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาประทับภายในเรา เราจึงเป็นความสว่าง พระเจ้าต้องการให้เราเดินในความสว่าง เพื่อตัวเราเองและคนอื่นๆจะได้รับพระพร

อยากบอกพ่อว่า…

อยากบอกพ่อว่า…

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่  2 ธันวาคม 2018

ข้อพระคัมภีร์  สุภาษิต 23:25   จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์

1.อยากบอกพ่อว่า…ขอบคุณ (พูดถึงสิ่งดีที่พ่อทำให้กับลูก)

  • คำว่า “ ขอบคุณ” เป็นการแสดงถึงการที่เราเห็นคุณค่า และรับรู้ถึงสิ่งดีที่พ่อได้ทำให้กับเรา
  • พ่อที่เป็นคริสเตียนได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ในวิญญาณจิต ดังนั้นพ่อจึงสามารถเป็นพ่อที่มีลักษณะเป็นคุณพ่อที่มีความรักแบบพระเจ้าได้
  • เอเฟซัส 4:24 และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
  • พ่อมีความรักที่บริสุทธิ์ที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกได้ เหมือนที่พระเจ้าทรงสละพระบุตรองค์เดียวให้กับเรา เพราะความรัก
  • ยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
  • เราได้เห็นแบบอย่างพ่อที่เตรียมทางเพื่อความสำเร็จของลูกในพระคัมภีร์ เช่น ดาวิด กับซาโลมอน ที่ดาวิดเป็นพ่อที่เตรียมทางแห่งความสำเร็จให้ลูกและส่งเสริมเขาให้ไปสู่เป้าหมายของพระเจ้าในการสร้างพระวิหาร (1 พงศาวดาร 28:11-20 )
  • และการดูแลลูกให้เดินในทางพระเจ้า คุณพ่อต้องมีพระวจนะนำความคิดหรือทิศทางของครอบครัว
  • เฉลยธรรมบัญญัติ 12:28 จงระวังที่จะเชื่อฟังถ้อยคำเหล่านี้ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านไว้ เพื่อท่านเองและลูกหลานของท่านจะจำเริญเป็นนิตย์ เมื่อท่านกระทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
  • เมื่อได้เชื่อพระเจ้า เราก็กลายเป็นลูกของพระองค์ นั่นหมายความว่า พระองค์จะดูแลเราอย่างดีเช่นกัน
  • ยอห์น 1:12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า

2.อยากบอกพ่อว่า…จะเป็นลูกที่ดี (พูดถึงสิ่งดีที่ลูกจะทำให้กับพ่อ)

  • สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณพ่อได้ชื่นใจก็คือพูดถึงความตั้งใจที่ปรารถนาจะแสดงออกถึงสิ่งที่เราอยากจะทำให้กับพ่อเสมอ
  • สำหรับลูกที่อยู่ภายใต้การปกครองของคุณพ่อต้องให้เกียรติโดยการเชื่อฟังคุณพ่อ
  • โคโลสี 3:20 ฝ่ายบุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะการนี้เป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า
  • อพยพ 20:12 จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้าเพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดินซึ่งพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า
  • สุภาษิต 1:8 บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้า และอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า
  • การนบน้อมเชื่อฟังและให้เกียรตินั้นเป็นพรกลับมาสู่ลูกเอง
  • เอเฟซัส 6:1-3 1 ฝ่ายบุตรจงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก

2จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย 3 เพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก

  • เราควรตั้งเป้าเลี้ยงดูท่านเมื่อท่านแก่เฒ่าด้วย
  • 1 ทิโมธี 5:8  ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก

 

ชื่นชมยินดีในการเป็นพยาน

ชื่นชมยินดีในการเป็นพยาน

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2018

ข้อพระคัมภีร์  1ยอห์น 1: 1-4 1ซึ่งมีตั้งแต่ปฐมกาล ซึ่งเราได้ยิน ซึ่งเราได้เห็นกับตา ซึ่งเราได้พินิจดู และจับต้องด้วยมือของเรานั้นเกี่ยวกับพระวาทะแห่งชีวิต 2 (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็น และเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย ชีวิตนั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย) 3 ซึ่งเราได้เห็นและได้ยินนั้นเราก็ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ด้วย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ 4 และเราเขียนข้อความเหล่านี้ เพื่อความปลาบปลื้มยินดีของเรา {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า ท่าน} จะได้เต็มเปี่ยม

 

  • คำว่า “ พระวาทะแห่งชีวิต” ในข้อที่ 1 เล็งถึงพระเยซูคริสต์ผู้เสด็จมาเพื่อให้ชีวิต
  • เพราะว่าเราทุกคนทำบาป และค่าจ้างของความบาป ก็คือ ความตาย
  • โรม 3:23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
  • โรม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
  • เพราะความรักของพระเจ้า ทำให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระองค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์
  • 1ยอห์น 4:8  ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
  • นี่คือข่าวดีที่ยอห์นได้บอกเราว่าพระเยซูเสด็จมาเพื่อให้ชิวตแก่เรา
  • ใน 1ยอห์น 1:2 กล่าวว่า 2 (และชีวิตนั้นได้ปรากฏ และเราได้เห็น และเป็นพยาน และประกาศชีวิตนิรันดร์นั้นแก่ท่านทั้งหลาย
  • ยอห์นกำลังบอกว่าท่านเห็นด้วยตา เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้น คำพยานของท่านจึงมีน้ำหนัก
  • เราทุกคนต่างมีคำพยานที่เป็นประสบการณ์ที่พระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
  • ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นในชีวิตของเรา พระเจ้าทรงช่วยเราให้เกิดผลอันดี
  • โรม 8:28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์
  • และพระเจ้าทรงบัญญัติใหม่ให้กับเราคือให้เรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง
  • กาลาเทีย 5:14 เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
  • ดังนั้นเราจึงชื่นชมยินดีที่จะแบ่งปันคำพยานของเราแก่ผู้อื่น ถึงข่าวประเสริฐ พระคุณความรักของพระเจ้า

 

แบบอย่างการรับใช้ของพระเยซู

แบบอย่างการรับใช้ของพระเยซู

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่  23  กันยายน  2018

ข้อพระคัมภีร์     มาระโก 1:21-34 21พระองค์กับพวกของพระองค์จึงเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม และพอถึงวันสะบาโต พระองค์ได้เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาเทศนาสั่งสอน 22เขาทั้งหลายก็อัศจรรย์ใจด้วยการสอนของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจ หาเหมือนพวกธรรมาจารย์ไม่ 23ในทันใดนั้น มีชายคนหนึ่งในธรรมศาลาของเขามีผีโสโครกเข้าสิง 24มันร้องอึงว่า “พระเยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาทำลายพวกเราหรือ เรารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด ท่านคือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า” 25พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า “จงนิ่งเสีย ออกมาจากเขาซิ” 26และเมื่อผีโสโครกทำให้คนนั้นชักและร้องเสียงดัง แล้วมันก็ออกมาจากเขา 27คนทั้งปวงก็ประหลาดใจนักจึงถามกันว่า “การนี้เป็นอย่างไรหนอเป็นคำสั่งสอนใหม่แน่ ท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและมันจำต้องฟัง” 28ในขณะนั้นกิตติศัพท์ของพระองค์ได้เลื่องลือไปทั่วแคว้นกาลิลี 29พอออกมาจากธรรมศาลา พระองค์กับพวกของพระองค์จึงเข้าไปในเรือนของเปโตรและอันดรูว์ พร้อมกับยากอบและยอห์น 30แม่ยายของซีโมนนอนป่วยจับไข้อยู่ ในทันใดนั้น เขาจึงมาทูลพระองค์ให้ทราบด้วยเรื่องของนาง 31แล้วพระองค์ก็เสด็จไปจับมือนางพยุงขึ้น และความไข้ก็หาย นางจึงปรนนิบัติพระองค์กับพวกของพระองค์ 32เวลาเย็นวันนั้นครั้นตะวันตกแล้ว คนทั้งหลายพาบรรดาคนเจ็บป่วย และคนที่มีผีสิงมาหาพระองค์ 33และคนทั้งเมืองก็แตกตื่นมาออกันอยู่ที่ประตู 34พระองค์จึงทรงรักษาคนเป็นโรคต่างๆให้หายหลายคน และได้ทรงขับผีออกเสียหลายผี แต่ผีเหล่านั้นพระองค์ทรงห้ามมิให้พูด เพราะว่ามันรู้จักพระองค์

1.สอนด้วยสิทธิอำนาจ (ข้อ 21-22)

  • ธรรมบัญญัติเป็นคำสอนที่ทำให้รู้สึกฟ้องผิด แต่คำสอนของพระเยซูมาจากพระคุณพระเจ้า นำมาซึ่งชีวิตและการปลดปล่อย
  • 2 โครินธ์ 3:6 ผู้ทรงโปรดประทานให้เราสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่ อันมิใช่ประมวลกฎแต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ ด้วยว่าประมวลกฎนั้นประหารให้ตาย แต่ส่วนพระวิญญาณประทานชีวิต
  • พระคุณคือความกรุณาของพระเจ้า ที่มอบให้ โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้รับ แต่มาจากความเชื่อในพระเยซูคริสต์
  • เอเฟซัส 2:8 ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้
  • เมื่อคริสตจักรได้สอนตามพระวจนะแห่งพระคุณ ก็จะเต็มไปด้วยสิทธิอำนาจและแตะต้องใจคน คนก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตตามพระวจนะ
  • 1โครินธ์ 2:4 คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณ(แห่งพระคุณ)และพระเดชานุภาพ

2.ขับผีด้วยสิทธิอำนาจ (ข้อ 23-28)

  • เอเฟซัส 1:21-23 21 ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย

และให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน 22 สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย  23 พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร

  • เมื่อเราบังเกิดใหม่เราผู้เชื่อถือเป็นกายของพระคริสต์ เราจึงมีสิทธิอำนาจเหนือพวกวิญญาณชั่วโดยทางพระเยซูคริสต์แล้ว
  • 1โครินธ์ 12:27 ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
  • เรามีสิทธิอำนาจเหนือพวกวิญญาณชั่วโดยทางพระเยซูคริสต์แล้ว
  • ลูกา 10:19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย
  • โคโลสี 2:15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น
  • 1 ยอห์น 4:4 ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก

3.รักษาโรคด้วยสิทธิอำนาจ (ข้อ 29-31)

  • มัทธิว 8:16-17 16 …และบรรดาคนเจ็บป่วยทั้งหลายนั้น พระองค์ก็ได้ทรงรักษาให้หาย 17 ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป
  • 1 เปโตร 2:24  พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย
  • สรุป พระเจ้าปรารถนาให้เราใช้สิทธิอำนาจของพระองค์บนโลกไม่ว่าเราจะกล่าวห้ามสิ่งใดหรืออนุญาตสิ่งใดก็ตาม สวรรค์จะคอยหนุนหลังเราเสมอ  (มัทธิว 18:18)

ทรงเรียกเพื่อข่าวประเสริฐ

ทรงเรียกเพื่อข่าวประเสริฐ

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน 2018

ข้อพระคัมภีร์ มาระโก 1:16-20  “16ขณะที่พระองค์เสด็จไปตามชายทะเลสาบกาลิลี ก็ทอดพระเนตรเห็นชาวประมงสองคนคือ ซีโมนและอันดรูว์น้องของซีโมน กำลังทอดแหอยู่ที่ทะเลสาบ 17พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดังหาปลา” 18เขาก็ละแหตามพระองค์ไปทันที 19ครั้นพระองค์ทรงดำเนินต่อไปหน่อยหนึ่ง ก็ทอดพระเนตรเห็นยากอบ บุตรเศเบดีกับยอห์นน้องชายของเขา กำลังชุนอวนอยู่ในเรือ 20ในทันใดนั้นพระองค์ได้ทรงเรียกเขา เขาจึงละเศเบดีบิดาของเขาไว้ที่เรือกับลูกจ้าง และได้ตามพระองค์ไป”

  • โลกถูกครอบงำจากผลของบาปที่มารซาตานใส่ไว้ ( 1ยอห์น 5:19,  ยอห์น10:10 )
  • วิธีการที่จะทำให้มนุษย์หลุดพ้นกับดักมารก็คือ ข่าวประเสริฐแห่งพระเยซูคริสต์
  • 2 ทิโมธี 2:24-26    24ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน   25 ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ ว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจ และมาถึงซึ่งความจริง   26 และหลุดพ้นบ่วงของมารผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน
  • มัทธิว 28:19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • 2 โครินธ์ 5:18 ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน

1.ด้วยชีวิตของเรา  (ข้อ 16,19)

  • พระเยซูทรงเรียกซีโมนและอันดรูว์ (ข้อ16), ยากอบและยอห์นกำลังชุนอวนอยู่ในเรือ (ข้อ19) เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ
  • ทุกอาชีพสามารถประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าได้

เอเฟซัส 2:10  เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ

  • ท่าทีต่องานอาชีพที่เราทำไม่ใช่แค่การทำเพื่อประทังชีวิต แต่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยอาชีพการงานของเรา

โคโลสี 3:23  ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนกระทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนกระทำแก่มนุษย์

  • มัทธิว 5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์

2.ด้วยการจ่ายราคา (ข้อ 18,20)

  • เมื่อพระเยซูเรียกซีโมนและอันดรูว์ ในขณะที่กำลังทอดแห เขาก็ละแหตามพระองค์ไปและเมื่อเรียกยากอบและยอห์น พวกเขาก็ละบิดาไว้กับลูกจ้าง ยากอบและยอห์นไม่ได้ละทิ้งบิดา แต่ได้ฝากฝังให้ผู้ดูแล
  • ข่าวประเสริฐบางครั้งต้องจ่ายราคา เพื่อขยายอาณาจักรของพระเจ้าออกไปผ่านการงานของท่าน
  • 1 โครินธ์ 9:22-23   22… ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง 23 ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น
  • หากเรามีจุดที่โฟกัสถูกต้องในการที่จะมีส่วนในข่าวประเสริฐ การเสียสละจึงเป็นเรื่องรองลงมา
  • ฟิลิปปี 3:8 ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์
  • มัทธิว 19:29 ผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิงหรือบิดามารดา หรือลูกหรือไร่นาเพราะเห็นแก่นามของเรา ผู้นั้นจะได้ผลร้อยเท่าและจะได้ชีวิตนิรันดร์ด้วย

วันดีที่เราไม่ลืม

 วันดีที่เราไม่ลืม

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2018

ข้อพระคัมภีร์  กิจการ 9:1-5,  กิจการ 9:19-23

1 .การมีประสบการณ์กับพระเยซู ( ข้อ 3-4)

  • พื้นหลังชีวิตของอ.เปาโล คือ เป็นคนที่มีชาติกำเนิดที่ยอดเยี่ยมเป็นคนหนุ่มที่มีความกระตือรือร้นเคร่งครัดในศาสนา และเป็นผู้นำในการข่มเหงคริสเตียน

 ฟิลิปปี 3:6  ในด้านความกระตือรือร้น ก็ได้ข่มเหงคริสตจักร ในด้านความชอบธรรมซึ่งมีอยู่โดยธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ไม่มีที่ติได้

  • เมื่อเขากำลังจะเดินทางไปข่มเหงคริสเตียน เซาโลพบพระเยซู และตาของเขาก็มืดบอด
  • กิจการ 9:8 ฝ่ายเซาโลได้ลุกขึ้นจากพื้นดิน เมื่อลืมตาแล้วก็มองอะไรไม่เห็น เขาจึงจูงมือท่านไปยังเมืองดามัสกัส
  • เราจำเป็นต้องมีประสบการณ์ คือ พบพระเยซูเป็นส่วนตัวแต่ละคน ต้องรู้จักพระเยซูเป็นส่วนตัว
  • เพราะเมื่อเราพบพระเยซู เราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป วิญญาณของเราจะได้รับการสร้างใหม่
  • 2 โครินธ์ 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
  • เมื่อ อ.เปาโล พบพระเยซู เขารู้แล้วพระเยซูเป็นพระเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ ถูกฝังแล้วฟื้นขึ้น เพื่อเรา
  • 1 โครินธ์ 15:3-4 3 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์   4 และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น

2.การดำเนินชีวิตร่วมกับพี่น้องและคริสตจักร ( ข้อ19)

  • เมื่อเซาโลพบพระเยซู เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ เขาละทิ้งชีวิตเดิม
  • ฟิลิปปี 3:7-8 7แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์

8ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์

  • เขาดำเนินชีวิตกับสาวกในคริสตจักรดามัสกัส เราก็ต้องดำเนินชีวิตกับพี่น้องในคริสตจักรเช่นกัน

3.การร่วมปรนนิบัติและทนทุกข์เพื่อรับใช้พระเจ้า (ข้อ 20)

  • การทนทุกข์นี้ไม่ใช่การทนทุกข์ที่ไม้กางเขนเพราะพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และฟื้นพระชนม์นำความสมบูรณ์กลับสู่เราแล้ว
  • ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่มารทำให้เกิดขึ้นเพื่อขัดขวางข่าวประเสริฐ
  • 1โครินธ์ 9:12เรายอมทนทุกข์ยากสารพัด เพื่อเราจะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางข่าวประเสริฐเรื่องพระคริสต์
  • 2ทิโมธี 1:12 เพราะเหตุนั้นเองข้าพเจ้าจึงได้ทนทุกข์ลำบากเช่นนี้ ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ละอาย เพราะว่าข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ที่ข้าพเจ้าได้เชื่อ…
  • เราทุกคนคือสาวกของพระเยซู เราต้องรับใช้ เราต้องผูกพันตัวในคริสตจักร และยินดีรับความยากลำบากบ้างเมื่อรับใช้พระเจ้า