ฤทธิ์เพื่อชีวิต

ฤทธิ์เพื่อชีวิต

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2018

คำนำ เพ็นเทคอสต์เป็นวันสำคัญต่อผู้เชื่อในยุคนี้ เพราะเป็นการระลึกถึงการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามพระสัญญาของพระเยซู

  • ยอห์น 16:7 “อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไปแล้วเราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน”
  • กิจการ 1:4-54เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า “ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ 5เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
  • กิจการ 1:8 “แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
  • กิจการ 2:4 “เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด”
  • เมื่อพระวิญญาณเสด็จมา ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็อยู่ในชีวิตของผู้เชื่อ คือสิทธิอำนาจเพื่อควบคุมเหนือทุกสิ่งและทำให้สำเร็จได้ ฤทธิ์อำนาจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เมื่ออยู่ในชีวิตของเรา ก็นำมาซึ่งอำนาจที่จะกระทำกิจต่างๆได้
  1. ฤทธิ์เพื่อปลดปล่อยคนให้รอด

  • กิจการ 2:41 “คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน”
  • พระวิญญาณทำให้เรามีชีวิต โดยนำธรรมชาติของพระเจ้าเข้ามาภายในวิญญาณของเรา เราจึงเป็นวิญญาณที่ถูกสร้างใหม่ให้เป็นเหมือนพระองค์ในวิญญาณ
  • ทิตัส 3:5 “แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
  • เอเฟซัส 4:30 “และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย เพราะโดยพระวิญญาณนั้นท่านได้ถูกประทับตราหมายท่านไว้ เพื่อวันที่จะทรงไถ่ให้รอด”
  1. ฤทธิ์เพื่อการปลดปล่อย

  • กิจการ 3:5-85คนขอทานนั้นได้เขม้นดู คิดว่าจะได้อะไรจากท่าน 6เปโตรกล่าวว่า “เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด” 7แล้วเปโตรจับมือขวาของเขาพยุงขึ้น และในทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็มีกำลัง 8เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหาร ด้วยกันกับเปโตรและยอห์น เดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป”
  • ลูกา 4:18 ฎพระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ”
  • 1 โครินธ์ 12:7,97การสำแดงของพระวิญญาณนั้นมีแก่ทุกคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน…9และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกันและให้อีกคนหนึ่งมีความสามารถรักษาคนป่วยได้ แต่เป็นพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
  • ลูกา 13:11-1311และมีหญิงคนหนึ่งซึ่งมีผีเข้าสิงทำให้เป็นโรคสิบแปดปีมาแล้ว หลังโกง ยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย 12เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นจึงเรียกและตรัสกับเขาว่า “หญิงเอ๋ย ตัวเจ้าหายพ้นจากโรคของเจ้าแล้ว” 13พระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเขา และในทันใดนั้นเขาก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า”
  1. ฤทธิ์เหนือความกลัว

  • กิจการ 4:13 “เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู”
  • กิจการ 4:8 “ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวแก่เขาว่า “ดูก่อน ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย”
  • พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้จิตใจของเขากล้าหาญฤทธิ์ความกล้า ทำให้พี่น้องได้รับกำลังใจ และยังช่วยคนอื่นได้รับความรอดมากมาย
  • 2ทิโมธี 1:7 “เพราะว่าพระเจ้า มิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา”
  1. ฤทธิ์แห่งการรับใช้

  • กิจการ 5:12-16 12มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์หลายอย่าง ซึ่งอัครทูตได้ทำด้วยมือของตนในหมู่ประชาชน พวกสาวกอยู่พร้อมกันในเฉลียงของซาโลมอน 13คนอื่นๆไม่อาจเข้ามาอยู่ด้วย แต่ประชาชนเคารพอัครทูตมาก 14มีชายหญิงเป็นอันมากที่เชื่อถือ ได้เข้ามาเป็นสาวกของพระเจ้ามากกว่าก่อน 15จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้ถูกเขาบางคน 16ประชาชนได้ออกมาจากเมืองที่อยู่ล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม พาคนป่วยและคนที่มีผีโสโครกเบียดเบียนมา และทุกคนก็หาย
  • ยากอบ 1:17 “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง”
  • เราได้เห็นว่าฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณมาก็เพื่อช่วยเหลือผู้คนนั่นเอง
  • ยอห์น 14:16 “เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป”
  • ยอห์น14:12 “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราจะกระทำกิจการซึ่งเราได้กระทำนั้นด้วย และเขาจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดาของเรา”

อาณาจักรแห่งสวรรค์

อาณาจักรแห่งสวรรค์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2018

ข้อพระคัมภีร์ มัทธิว13:31-3231พระองค์ยังตรัสคำอุปมาอีกข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งเอาไปเพาะลงในไร่ของตน 32เมล็ดนั้นเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่เมื่องอกขึ้นแล้วก็ใหญ่กว่าผักอื่น และจำเริญเป็นต้นไม้จนนกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้นได้”     

  1. แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดพืช
  • แผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้า คนของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตนั้นหมายความว่า มันสามารถที่จะเคลื่อนไหวไปมาได้ อีกทั้งมันสามารถที่จะขยายเผ่าพันธุ์ของมันได้
  • ดังนั้นเราต้องรู้ว่าเราเป็นใครในพระเยซูคริสต์
  1. ต้องเพาะเมล็ดในชีวิตของเรา
  • เงื่อนไขในการที่ชีวิตจะเจริญและเติบโตขึ้นในทางของพระเจ้าได้นั้น นั่นก็คือ การยอมเพาะชีวิตลงในไร่นาของตน
  • ยน.12:24 “ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า“ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว ก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก”
    • คริสตจักร
  • หากเราไม่ยอมเพาะชีวิตของตนลงในดิน และ“คริสเตียนที่ไม่ผูกพัน ไม่ฝังตัวเองร่วมกับคริสตจักรของพระเจ้า” ก็ย่อมไม่มีทางที่จะเติบโตขึ้นตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้
  • เราจะต้องตัดสินใจในการที่จะอยู่ในคริสตจักรใดคริสตจักรหนึ่งเพื่อที่เราเองนั้นจะได้รับการพัฒนาชีวิตในฝ่ายจิตวิญญาณได้อย่างถูกต้อง
    • ในพระคำของพระเจ้า
  • การปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าโดยปราศจากความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้านั้นก็เป็นสิ่งที่อันตราย กับพระราชกิจของพระเจ้าอย่างมากด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับที่เราให้เกียรติกับผู้รับใช้ของพระเจ้า แต่การเรียนรู้ชีวิตของผู้นำ การรับคำสอนจากผู้นำโดยที่พี่น้องเองนั้นไม่ได้มีความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้าเลยนั้นก็ไม่ถูกต้อง
  1. “เกิดผลมาก”
  • ชีวิตของผู้เชื่อที่เพาะลงในคริสตจักร เพาะลงในการวางชีวิตไว้ใกล้ๆกับผู้นำหรือผู้ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ เพาะลงในพระวจนะของพระเจ้าแล้วมันจะต้องเกิดผล
  • ยน.15:16“ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน”
  • การเกิดผลจะมาภายหลังจากการที่เรานั้นได้เพาะชีวิตของเราลงในคริสตจักร พระวจนะของพระเจ้า และจากการที่เราได้วางชีวิตของเราลงร่วมกับผู้นำหรือผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณในคริสตจักรนั้น
  • สดด.52:8 “ฝ่ายข้าพเจ้าเป็นเหมือนต้นมะกอกเขียวสด ในพระนิเวศของพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจในความรักมั่นคงของพระเจ้า เป็นนิจกาล
  • ยรม.17:7-8“คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้าเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล”
  • อสย.61:3 “เพื่อจัดให้บรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์ในศิโยน เพื่อประทานมาลัยแทนขี้เถ้าให้เขา น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ ผ้าห่มแห่งการสรรเสริญแทนจิตใจที่ท้อถอย เพื่อคนจะเรียกเขาว่าต้นก่อหลวงแห่งความชอบธรรมที่ซึ่งพระเจ้าทรงปลูกไว้เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงพระสิริของพระองค์”

วิถีใหม่ในพระคริสต์

วิถีใหม่ในพระคริสต์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2018

ข้อพระคัมภีร์ โคโลสี 2:20-2320ถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากภูตผีปิศาจแห่งจักรวาลแล้ว เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆอันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์ 21เช่น “อย่าเอามือหยิบ” “อย่าชิม” “อย่าแตะต้อง” เป็นต้น 22คือกล่าวถึงสิ่งที่ต้องพินาศเมื่อใช้มัน 23จริงอยู่สิ่งเหล่านี้ดูท่าทีมีปัญญา คือการเต็มใจนมัสการ การถ่อมตัวลงและการทรมานกาย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้กับความต้องการของเนื้อหนัง”

  1. ทิ้งวิถีเก่า (20-23)
  • หากเราดูพระวจนะ พระคริสต์ได้ทำให้เราพ้น ที่ไม่ตกเป็นทาสอีกต่อไป
  • โรม 6:6 “เราทั้งหลายรู้แล้วว่า ตัวเก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป”
  • กาลาเทีย 3:13 “พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ”
  • กิจการ 10:14-1514ฝ่ายเปโตรจึงทูลว่า “มิได้ พระเจ้าข้า เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้าม หรือของมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย” 15แล้วจึงมีพระสุรเสียงเป็นครั้งที่สองว่าแก่ท่านว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วอย่าว่าเป็นของต้องห้าม”
  • 1พงศ์กษัตริย์ 18:26-2928เขาทั้งหลายก็ร้องเสียงดัง และเชือดเฉือนตัวเองตามธรรมเนียมของเขาด้วยดาบและหลาว จนโลหิตไหลพุ่งออกมาตามตัว 29และเมื่อผ่านเที่ยงวันไปแล้ว เขาก็พร่ำต่อไปจนถึงเวลาถวายบูชา แต่ไม่มีเสียง ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครฟัง”
  • ฟิลิปปี 3:2-32จงระวังพวกสุนัข จงระวังบรรดาคนที่ทำชั่ว จงระวังพวกถือการเชือดเนื้อเถือหนัง 3เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นพวกถือพิธีเข้าสุหนัตแท้ เป็นผู้นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ และอวดพระเยซูคริสต์ และไม่ได้ไว้ใจในเนื้อหนัง”
  • 1 โครินธ์ 6:19 “ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง”

การอดอาหารอธิษฐาน

  • พระเยซูอยู่ภายใต้พระสัญญาเดิม พระสัญญาใหม่เริ่มเมื่อพระเยซูได้ตาย ฝัง และฟื้นไปนั่งที่เบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดาในสวรรค์
  • พระเจ้ามีน้ำพระทัยที่จะตอบคำอธิษฐานอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรือการกระทำใดไปบีบบังคับพระเจ้าให้ตอบคำอธิษฐาน หรือเห็นใจได้ เพราะเป็นพระสัญญา เช่นจงขอแล้วจะได้ ,สิ่งที่ท่านทูลขอในนามของเรา เราจะตอบ ,คำอธิษฐานผู้ชอบธรรมมีพลัง ทำให้เกิดผล เป็นต้น
  • ที่เราไม่รับคำตอบอาจเป็นเพราะเราทำผิดเงื่อนไขอะไรบางอย่าง เช่นจิตใจไม่ให้อภัย , โลภเพื่อเนื้อหนัง หรือขอผิด
  • เอเฟซัส 4:22-24 “ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง”
  • โคโลสี 1:9 “เพราะเหตุนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้ยิน เราก็ไม่ได้หยุดในการที่จะอธิษฐานขอเพื่อท่าน ให้ท่านเพียบพร้อมด้วยความรู้ถึงพระทัยของพระองค์ ในสรรพปัญญาและในความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ”
  • คริสตจักรคือที่เปิดเผยสำแดงพระทัยของพระเจ้า ที่ในพันธสัญญาเดิมไม่มี เพื่อช่วยผู้เชื่อได้รับการปกป้องทั้งคำสอน และการอธิษฐานเผื่อกัน
  • เอเฟซัส 3:9-119และทำให้คนทั้งปวงเห็นแผนงานแห่งความล้ำลึก ซึ่งตั้งแต่แรกสร้างโลกทรงปิดบังไว้ที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างสารพัดทั้งปวง 10ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักร ณ บัดนี้ 11ทั้งนี้ก็เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา”
  1. ตามวิถีใหม่ (23)
  • ข้อกำหนดภายนอกของมนุษย์ที่สร้างขึ้นนั้น ไม่สามารถเอามาเปลี่ยนพฤติกรรมภายในของคนได้ เพราะการเปลี่ยนที่แท้จริงคือการเปลี่ยนที่ภายใน
  • 2 โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
  • ชีวิตคริสเตียน เป็นชีวิตที่มีพระเจ้าประทับอยู่ภายใน การดำเนินชีวิตจึงมาจากชีวิตภายในที่มีพระเจ้าประทับอยู่  มาจากวิญญาณที่ถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้วให้เหมือนพระองค์ผ่านทางกางเขนของพระคริสต์ เพื่อเราจะประพฤติตามอย่างความชอบธรรม ที่พระเจ้าทรงกระทำให้แก่เราแล้ว
  • เอเฟซัส 4:22-2422ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง 23และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ 24และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง”

พระคัมภีร์กล่าวว่า เราจะเปลี่ยนได้อย่างไร

พระคัมภีร์กล่าวว่ามนุษย์ประกอบไปด้วย3ส่วนคือ วิญญาณ(ตัวจริง) ,ความคิดจิตใจ,ร่างกาย

  • 1 เธสะโลนิกา 5:23 “ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของเราเสด็จมา”
  • 2โครินธ์ 10:4-54เพราะว่าศาสตราวุธของเราไม่เป็นฝ่ายโลกียวิสัย แต่มีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า อาจทำลายป้อมได้ 5คือทำลายความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอม และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงรับฟังพระคริสต์”
  • วิธีก็คือ เราต้องสะสมศาสตราวุธ หรือพระวจนะให้มากพอ และใคร่ครวญจนเปลี่ยนเป็นอุปนิสัยที่คิดตามพระวจนะได้ในทุกสถานการณ์ได้  ไม่ใช่เป็นเพียงความรู้
  • โรม 12:2 “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม”
  • ฮีบรู 4:12 “เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย”

 

ยืนหยัดในพระคริสต์

ยืนหยัดในพระคริสต์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันที่ 29 เมษายน 2018

ข้อพระคัมภีร์   โคโลสี  2:18-1918อย่าให้ผู้ใดตัดสิทธิ์ของท่าน ด้วยเขาทำทีถ่อมตัวลง กราบไหว้ทูตสวรรค์ ใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต ผยองขึ้นเปล่าๆตามความคิดของเนื้อหนัง 19และไม่ได้ยึดมั่นในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ศีรษะนั้นเป็นเหตุให้กายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยง และติดต่อกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆจึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงโปรดให้เจริญขึ้นนั้น”

  • 1 ทิโมธี 4:1 “พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปีศาจ”


  1. สิ่งที่ล่อให้หลง (18)

  • การผยองขึ้นตามความคิดของเนื้อหนัง คือ การที่เราไม่มั่นคงในความคิดจิตใจตามความจริงของพระวจนะแล้ว เราจะมีแนวโน้มไปใช้ความรู้สึกแทน เพราะผู้เชื่อจะถูกล่อลวงทางความรู้สึก
  • วิวรณ์ 18:23 “และในเจ้าจะไม่มีแสงประทีปส่องสว่างอีกต่อไปและจะไม่มีใครได้ยินเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในเจ้าอีกต่อไป เพราะว่าบรรดาพ่อค้าของเจ้า ได้เป็นคนใหญ่โตแห่งแผ่นดินโลกแล้ว และวิทยาคมของเจ้าได้ล่อลวงบรรดาประชาชาติให้ลุ่มหลง”
  • 1ยอห์น 4:1 “ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อวิญญาณเสียทุกๆวิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากจาริกไปในโลก”
  • มัทธิว 4:10 พระเยซูจึงตรัสตอบว่า “อ้ายซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว”
  • ทูตสวรรค์หน้าที่ปรนนิบัติพระเจ้าตามหน้าที่ และในพันธสัญญาใหม่ เราก็มีทูตสวรรค์ประจำตัวในการปรนนิบัติเรา
  • มัทธิว 18:10 “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์”
  • ทูตสวรรค์ไม่ดี : ลูซิเฟอร์ อิสยาห์ 14:12 “โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณเจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ”
  • ทูตสวรรค์ดี : กาเบรียล ลูกา 1:19 “ฝ่ายทูตสวรรค์นั้นจึงตอบว่า “เราคือกาเบรียลซึ่งยืนคอยรับใช้อยู่หน้าพระพักตร์พระเจ้า และทรงใช้ให้มาพูดกับท่านและนำข่าวดีนี้มาแจ้ง”
  • ทูตสวรรค์ดี : มีคาเอล ดาเนียล 12:1 “ในครั้งนั้น มีคาเอลเจ้าผู้พิทักษ์ยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีเวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะรับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ”
  • ยอห์น 17:17 “ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง”
  • ยอห์น 16:13 “เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัส สิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น”
  • 2โครินธ์ 11:13-1413เพราะคนอย่างนั้นเป็นอัครทูตเทียม เป็นคนงานที่หลอกลวงปลอมตัวเป็นอัครทูตของพระคริสต์ 14การกระทำเช่นนั้นไม่แปลกประหลาดเลย ถึงซาตานเองก็ยังปลอมตัวเป็นทูตแห่งความสว่างได้”
  1. สิ่งที่ทำให้ยืนหยัดได้ (19)

  • สิ่งที่จะทำให้เรายืนหยัดมั่นคงได้ก็คือ การเข้าสนิทกับพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะ เพราะเราเป็นกายของพระคริสต์
  • 1โครินธ์ 12:27 “ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น”
  • เอเฟซัส 1:20 “ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย และให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน”
  • เราจึงควรตระหนักว่าเราอวัยวะของพระองค์บนโลกนี้ หากศรีษะสั่งอวัยวะไม่ได้คริสตจักรจะกลายเป็นอัมพาตทันที เมื่อเราทราบว่า เราคืออวัยวะใดในกาย ก็ให้เราทำบทบาทนั้นอย่างดีที่สุด เพราะทุกอวัยวะ หรือภาชนะนั้นมีพลังเพราะเชื่อมกับพระคริสต์
  • 2โครินธ์ 4:7 “แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่าฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง”
  • ยอห์น 15:5 “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”
  • เอเฟซัส 1:9 “พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เรารู้ความล้ำลึกในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระคริสต์”

เงากับตัวจริง

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

เงา กับ ตัวจริง

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2018

ข้อพระคัมภีร์ โคโลสี 2:16-17 16เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต 17สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์”

 

  1. อย่าโฟกัสที่เงา (16-17ก)

สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมบัญญัติคือ พระเจ้าให้มีธรรมบัญญัติเพื่ออะไร?

ภาพที่1 เพื่อให้รู้ว่าบาปคืออะไร

  • กาลาเทีย 3:19 “ถ้าเช่นนั้นมีธรรมบัญญัติไว้ทำไม ที่เพิ่มธรรมบัญญัติไว้ก็เพื่อบาปจะปรากฏเป็นความละเมิด จนกว่าพงศ์พันธุ์ที่ได้รับพระสัญญานั้นจะมาถึง”

ภาพที่2 เพื่อเป็นแบบและเงาของของจริงที่จะมา

  • ฮีบรู 8:5 “ปุโรหิตเหล่านั้นปฏิบัติกิจในเต็นท์ ที่เป็นแต่แบบและเงาแห่งศักดิ์สิทธิสถาน ดังโมเสสเมื่อท่านจะตั้งเต็นท์นั้น”

ภาพที่3 รู้ว่าต้องพึ่งพระคุณพระเจ้า

  • เยระมีห์ 31:31-3331“พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับประชาอิสราเอลและประชายูดาห์ 32ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาผิด 33 แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับประชาอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา 35 …เราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป”
  • ฮีบรู9:11-1211แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐ … 12 พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์”
  • พระเยซูได้ประกาศพระสัญญาใหม่ ซึ่งเป็นพันธสัญญาแห่งพระคุณพระเจ้า
  • ลูกา 22:20 “เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยกระทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ซึ่งเทออกเพื่อท่านทั้งหลายเป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา”
  • เมื่อมีพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิมก็ยกเลิก
  • ฮีบรู 8:13 “เมื่อพระองค์ตรัสถึง พันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงถือว่าพันธสัญญาเดิมนั้นพ้นสมัยไปแล้ว สิ่งที่พ้นสมัยและเก่าไปแล้วนั้นก็จะเสื่อมสูญไป”
  • ในพันธสัญญาเดิม มีธรรมบัญญัติที่มีข้อห้ามเรื่องการบริโภคที่พระเจ้าประทานให้กับชนชาติอิสราเอล (ในเฉลยธรรมบัญญัติ 14, เลวีนิติ 11 ,17 )
  • กล่าวโดยสรุปว่า พระเจ้าให้บัญญัติการกินเพื่อการเดินทางจะมีสัตว์สะอาดไม่สะอาดให้ระวังเกรงว่าจะไปไม่ถึงแผ่นดินพระสัญญาและนัยยะต้องการสอนเรื่องอย่ายุ่งกับความสกปรก หรือชนต่างชาติที่ไม่เชื่อ เปรียบได้กับสัตว์ที่เป็นมลทินห้ามรับประทาน เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ชุมชนของพระเจ้า
  • กิจการ 10:15 “แล้วจึงมีพระสุรเสียงเป็นครั้งที่สองแก่ท่านว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วอย่าว่าเป็นของต้องห้าม”
  • แม้ในยุคพันธสัญญาใหม่นั้นสามารถทานได้ แต่สิ่งมีที่เราควรพิจารณาร่วมด้วยเช่น

1) ไม่ทำให้คนอื่นสะดุด

  • โรม14:20-2120 อย่าทำลายงานของพระเจ้าเพราะเห็นแก่อาหารเลย อาหารทุกอย่างปราศจากมลทินก็จริง แต่ผู้ใดที่กินอาหารซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นทำผิด ก็มีความผิดด้วย 21เป็นการดีที่จะไม่กินเนื้อสัตว์หรือเหล้าองุ่นหรือทำสิ่งใดๆที่จะเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุด”

2) เป็นประโยชน์หรือโทษมากกว่า

  • 1 โครินธ์ 10:23 “เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น”

3)ร่างกายเราเป็นวิหารของพระเจ้า

  • 2 โครินธ์ 6:16 “วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขาและเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา

4)เรื่องท่าที่ที่พระเยซูกล่าว

  • มัทธิว 15:17-1817ท่านยังไม่เห็นหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป 18แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”

เรื่องการถือเทศกาลต่างๆ

  • เมื่อพระเยซูมาแล้ว เทศกาลทุกเทศกาลเล็งถึงพระองค์เช่นกัน เทศกาลปฎิบัติหลักๆ มี 3 เทศกาล คือ

1.เทศกาลปัสกา เล็งถึงการนำของพระเจ้าออกจากการเป็นทาสของอียิปต์ (พระเยซูนำผู้เชื่อออกจากการเป็นทาสของบาป)

2.เทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยว เล็งถึงการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่เขาจะต้องเอาผลแรกที่เพาะปลูกมาถวาย (พระเยซูเป็นผลแรกของความรอด แป้งก้อนแรกบริสุทธิ์ทั้งถังก็บริสุทธิ์)

3.เทศกาลอยู่เพิง เล็งถึงการเลี้ยงดูของพระเจ้าในถิ่นทุระกันดารที่เขาไม่ขาดแคลนสิ่งใด มีเสาเมฆ เสาเพลิงนำทาง มีน้ำแร่จากหิน มีอาหารมานาสวรรค์ แม้งูแมวเซากัดก็ไม่ตายเมื่อเขามองดูไม้เท้ากางเขนที่เล็งถึงพระเยซูนั้นเอง

  • การไม่ยอมรับว่าพระเยซูมาทำให้สิ่งต่างๆสมบูรณ์แล้ว จึงเป็นข้อผิดพลาดของผู้เชื่อมากมายที่พยายามผสมผสานเอาสิ่งต่างๆเข้ามาในข่าวประเสริฐ
  • มัทธิว 9:17 “และเขาไม่เอาน้ำองุ่นหมักใหม่มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด น้ำองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เขาย่อมเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่ แล้วทั้งสองอย่างก็อยู่ดีด้วยกันได้”
  • กาลาเทีย 4:10-1110ท่านถือวัน เดือน ฤดู และปี 11ข้าพเจ้าเกรงว่าการที่ข้าพเจ้าได้ทำเพื่อท่านนั้นจะไร้ประโยชน์”
  • มาระโก 2:27 “พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่ทรงสร้างมนุษย์ไว้สำหรับวันสะบาโต”
  • อพยพ 20:11 “เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์”

 

ข้อคิดของการมาโบสถ์ในยุคพันธสัญญาใหม่

1.เป็นการสำแดงว่าเราเป็นผู้เชื่อ

  • 1เปโตร 2:9 “แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์”

2.เพื่อปรนนิบัติพระเจ้าในพระกาย

  • กาลาเทีย 5:13 “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด”

3.เพื่อมอบถวาย แสดงการให้พระเจ้าเป็นเจ้าของชีวิตของเรา

  • โรม 12:1 “พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย”
  • เอเฟซัส 4:14 “เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง”

 

2. ให้รับเอาตัวจริง (17)

  • มัทธิว 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ”
  • 2 โครินธ์ 3:18 “แต่เราทั้งหลายไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว จึงแลดูพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตัวเราก็เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เช่นอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณ”

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

อบอุ่น ไม่อับอาย

อบอุ่น ไม่อับอาย

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2018

ข้อพระคัมภีร์ ลูกา15:11-24  … “22แต่บิดาสั่งพวกบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมา

  • ยน.10:10 “ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์”
  • การกลับใจใหม่ เป็นประตูบานแรกที่เราจะต้องเปิดออกและตัดสินใจกลับมาคืนดีกับพระเจ้าและรับเอาพระเมตตาของพระเจ้า


  1. การสวมเสื้อคลุม   (22) 

  • การสวมเสื้อคลุม เป็นการเล็งถึงการปกป้อง  การป้องกันภัย เป็นการปกปิดความอับอายจากการกระทำของลูก
  • ปฐก3:21 “พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมและภรรยาของเขาสวมปกปิดกาย”
  • กท2:16 “ยังรู้ว่าไม่มีใครถูกชำระให้ชอบธรรมได้โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เราเองก็ได้เชื่อในพระเยซูคริสต์เพื่อจะถูกนับว่าชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดจะถูกนับว่าชอบธรรมได้เลย” 
  • รม.3:24 “แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่าโดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว”
  • 2ธส.2:16 “ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ พระองค์ทรงเป็นความชูใจนิรันดร์และความหวังใจของเราเสมอ”
  • 1ปต.3:18 “เพราะพระคริสต์ทรงทนทุกข์ สำเนาโบราณบางฉบับว่า สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเป็นพอเพราะบาป คือพระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะนำเราไปถึงพระเจ้า ฝ่ายกายพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายจิตวิญญาณทรงคืนพระชนม์พระองค์จะคืนความชอบธรรมให้กับคนของพระองค์ทั้งหมดทั้งสิ้น”
  1. การสวมแหวน (22ข)

  • ฮกก2:23 “พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในวันนั้นเราจะรับเจ้า โอ เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล ผู้รับใช้ของเราเอ๋ย พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะทำเจ้าให้เป็นเหมือนแหวนตรา เพราะเราได้เลือกสรรเจ้าแล้ว” พระยาห์เวห์ จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
  • แหวนตราจึงเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นตัวตน,ศักดิ์ศรีของความเป็นลูกและคืนสิทธิอำนาจตามที่ควรจะเป็นให้เราทั้งหมดทั้งสิ้น เหนือสิ่งอื่นใดคือคืนความเป็นบุตรให้กับเรา เพื่อยืนยันการร่วมตระกูลเดียวกับพระคริสต์
  1. การสวมร้องเท้า (22ค)

    • การเตรียมพร้อม อฟ 6:15 “และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า”
    • การเอาใจใส่ดูแล ฉธบ 29:5 “เราได้นำพวกเจ้าอยู่ในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี เสื้อผ้าของเจ้าไม่ได้ขาดวิ่นไปจากเจ้า และรองเท้าไม่ได้ขาดหลุดไปจากเท้าของเจ้า”
    • รองเท้าเป็นปัจจัยพื้นฐาน
  • มก 6:8-98พระองค์ตรัสกำชับพวกเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้า ไม่ให้เอาอาหารหรือย่าม หรือเงินใส่เข็มขัดไป9แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว
  • ลก10:3-4 3ไปเถอะ เราใช้พวกท่านออกไปเหมือนอย่างลูกแกะที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า 4อย่าเอาถุงเงิน หรือย่าม หรือรองเท้าไป และอย่าทักทายใครตามทาง”
    • แสดงถึงการมีเสรีภาพไม่เป็นทาสอีก

เป็นเหมือนเครื่องประดับ  พซม7:1 “โอ แม่ธิดาของเจ้าชาย เท้าที่สวมรองเท้าของเธอนั้นช่างเรียวงามนี่กระไร เรียวขาที่กลึงเกลาของเธองดงามดุจอัญมณีที่ช่างผู้ชำนาญได้เจียระไนไว้

Resurrection ได้ชีวิต…จากชีวิต

Resurrection ได้ชีวิต…จากชีวิต

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2018

 

คำนำ คำว่า “Resurrection” ในภาษาอังกฤษแปลว่า การฟื้นคืนชีพ, การมีชีวิตอีกครั้ง ในเทศกาลอีสเตอร์ เป็นการแสดงถึงความชื่นชมยินดี  เราไม่ได้ระลึกถึงพระเยซูที่ตายไปแล้ว และมัวเศร้าสร้อย เพราะพระเยซูไม่ได้อยู่ในอุโมงค์ แต่ได้ฟื้นคืนพระชนม์แล้ว การตายของพระเยซู และการฟื้นของพระองค์ ได้ทำลายความบาปที่ผูกมัดมนุษย์ เมื่อพระเยซูทำลายโดยการฟื้นเพื่อผู้เชื่อ ชีวิตใหม่ก็บังเกิด ฉะนั้นผู้เชื่อ จึงได้รับชีวิต จากชีวิต ของพระเยซูนั้นเอง

  1. ความตายแยกเราจากชีวิต

  • เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์จากผงคลีดิน แล้วทำให้เขามีชีวิตโดยระบายลมปราณ คือวิญญาณของพระเจ้ามายังเขาพระเจ้าได้ใส่วิญญาณของพระองค์ลงไป ทำให้มนุษย์มีชีวิตแบบพระเจ้าขึ้นมา
  • ปฐมกาล 2:7 “พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณ(Spirit of life)เข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต”
  • และผ่านทางวิญญาณ ทำให้มนุษย์มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าได้
  • เมื่อความบาปจึงเข้ามาสู่โลกนี้ เพราะการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ เราจึงเห็นผลของความบาปแฝงอยู่ในมนุษย์ และยังเกิดขึ้นมากมายจนปัจจุบัน ความบาปนี้เองที่ทำให้เขาต้องแยกออกจากพระเจ้า
  • อิสยาห์ 59:2 “แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน”
  • โรม 3:23 “เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
  • โรม 6:23 “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
  1. เรามีชีวิตขึ้นโดยพระเยซูคริสต์

  • มนุษย์มีจิตสำนึก ที่ต้องการกลับมาสู่ชีวิตก่อนทำบาป การแสวงหาด้วยตนเองจึงเกิดเป็นวิธีมากมายทั้งรูปแบบของศาสนา ศีลธรรม หรือหลักปรัชญา
  • พระเจ้าเปิดเผยผ่านพระคัมภีร์ว่า เราต้องพึ่งพาพระคุณพระเจ้า ไม่ใช่พึ่งตนเอง เพราะพระเจ้าเป็นผู้ให้วิญญาณแก่เขา
  • เอเฟซัส 2:8 “ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้”
  • วิธีของพระเจ้าคือ เอาชีวิตของพระเจ้า พระเยซูมาตายแทนเรา เพื่อไถ่เราออกมา และให้ฟื้นกับพระองค์ ได้ชีวิตใหม่ โดยพระเยซูนั้นเอง
  • เอเฟซัส 2:1 “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป”
  • เพราะกฎของบาปคือต้องตาย แต่พระเยซูมาตายแทน เมื่อมีการมาตายแทนแล้ว ก็จะไม่มีการลงโทษอีก
  • โรม 6:7-87เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป 8แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย”
  • โรม 6:4 “เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน”
  1. เราได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในพระคริสต์

  • ยอห์น 10:10 “ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”
  • ชีวิตนิรันดร์เริ่มต้นเมื่อเราบังเกิดใหม่ ตัดสินเชื่อและรับเอา สิ่งดีๆที่บริบูรณ์จากพระเจ้าก็อยู่ในชีวิตของเราทันที+
  • ชีวิตใหม่ในพระเจ้า ไม่ได้เป็นชีวิตที่ตกอยู่ในอำนาจของความตาย หรือผลของบาป ไม่อยู่ใต้กฏเกณฑ์ธรรมบัญญัติ
  • ยอห์น 11:25 “พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก”
  • กาลาเทีย 3:13 “พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติโดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา”
  • พระเยซูทำให้เราพ้นจากความเจ็บป่วย ประทานชีวิตที่หายดี
  • อิสยาห์ 53:4 “แน่ทีเดียวท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลายและหอบความเจ็บปวดของเราไป”
  • เป็นชีวิตที่พระเจ้าประทานสิ่งสารพัดจากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์
  • ฟิลิปปี 4:19 “และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์”
  • เป็นชีวิตที่พระเจ้าประทานความมั่งมี เปมื่อราสัตย์ซื่อต่อการอารักขาทรัพย์ของพระองค์
  • 2 โครินธ์ 8:9 “เพราะท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี เนื่องจากความยากจนของพระองค์”
  • เราจะรับมรดกตามพระสัญญาผ่านการฟื้นพระชนม์ของพระองค์
  • กาลาเทีย 3:29 “และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา”
  • พระเยซูทรงให้ความครบบริบูรณ์โดยที่เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้มา แต่พระองค์ทรงเป็นผู้ทำให้กับเราและเมื่อเราได้รับสิ่งดีเหล่านี้แล้วจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เราก็ควรเป็นพรต่อผู้อื่นในการให้ชีวิตต่อ โดยการประกาศข่าว การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนี้ เพราะอีกหลายชีวิต ก็ต้องการชีวิตที่ครบบริบูรณ์เช่นนี้ เช่นกัน!
  • ลูกา 4:18-1918พระวิญญาณแห่งพระเป็นเจ้า ทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้า ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ 19และให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเป็นเจ้า”

หยุดฝ่อ

หยุดฝ่อ

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2018

ข้อพระคัมภีร์ สดุดี 42:11 “จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์ และพระเจ้าของข้าพเจ้า

  1. บอกตัวเองว่าจงหวังใจในพระเจ้า (11ก)

  • 1ธส5: 23 “ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสตเจ้าของเราเสด็จมา”
  • วิญญาณ คือส่วนที่เป็นนิรันดร์ ตัวตนที่แท้จริงของเรา ถูกสร้างขึ้นใหม่ตามแบบพระเจ้า
  • จิตใจ คือส่วนที่คิดหาเหตุผล เป็นอารมณ์ความรู้สึก ความปรารถนา รัก เกลียด ชอบ
  • ร่างกาย คือเรือนที่เราอาศัย
  • มธ16:19 “เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย”
  • กุญแจคือ “พระนามพระเยซู “ปัญหาคือ  มารจะล่อลวงที่จะทำให้เรามอบกุญแจดอกนั้นคืนให้กับมาร
  • รม12:2 “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม”
  • จง เป็นคำสั่ง การเปลี่ยนแปลงจิตใจเป็นหน้าที่ของใครของเรา
  • 1คร9:21 “แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้”
  • คำสารภาพ “ฉันคือวิญญาณ ทุกครั้งที่ฉันทำผิดพลาด มันเป็นเพียงจิตเดิมและกายเดิมที่ชักนำ แต่ตัวฉันถูกสร้างใหม่ ถูกชำระแล้ว ฉันไม่เคยต้องการที่จะทำสิ่งเหล่านี้”
  1. วางใจในพระเจ้าของข้าพเจ้า (11ข)

  • ทุกพระนามของพระองค์ ได้ถูกรวมไว้พระนามเดียว คือนามพระเยซู
  • ยน14:12 “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา”
  • เมื่อปากของเรายกย่องพระเจ้า เรากำลังขยายความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา
  • กจ16:25-2625แต่ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะเปาโลกับสิลาสกำลังอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและนักโทษทั้งหลายในคุกกำลังฟังอยู่  26ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนรากคุกสะเทือนสะท้านและประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากพวกเขาทุกคน”

สรุป ไม่ว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น ให้เราบอกกับตัวเองว่า จงหวังใจในพระเจ้า และพูดกับสิ่งนั้นด้วยสิทธิอำนาจในพระนาม

ความจริงในพระคริสต์

ความจริงในพระคริสต์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2018

ข้อพระคัมภีร์  โคโลสี 2:13-1513และท่านที่ตายแล้วด้วยการละเมิดทั้งหลายของท่าน และด้วยเหตุที่เนื้อหนังของท่านมิได้เข้าสุหนัต พระองค์ได้ทรงให้ท่านมีชีวิตร่วมกับพระองค์ และทรงโปรดยกโทษการละเมิดทั้งหลายของท่าน 14พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้นโดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน 15พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น”

ผู้ใดที่ได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์เขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

  1. พ้นจากการผูกมัด (13-14)

  • ก่อนมารู้จักพระเจ้า เราทุกคนได้ตายไปแล้วในวิญญาณ เพราะการละเมินกฎบัญญัติต่างๆของศีลธรรม ที่มนุษย์ทำไม่ได้ ถือว่าเป็นความบาป ซึ่งผลของความบาปคือการถูกพิพากษาลงโทษ
  • โรม6:33 6:23 “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย…”
  • ความตาย คือการถูกแยกออกจากพระเจ้า มนุษย์ถูกแยกจากพระเจ้าตั้งแต่การไม่เชื่อฟังของอาดัม เอวาผลก็คือทุกคนที่เกิดมาก็เป็นคนบาปคือวิญญาณที่ต้องตาย คือตกนรกบึกไฟ
  • วิวรณ์ 20:14-1514ความตาย และแดนมรณาก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง 15และถ้าผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิต ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ”
  • มาระโก 15:37-3837ฝ่ายพระเยซูทรงร้องเสียงดังแล้วก็สิ้นพระชนม์ 38ขณะนั้นม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง”
  • ฮีบรู 9:9 “การถวายของกำนัลและเครื่องบูชา ซึ่งจะกระทำกันตามแบบนี้ ไม่ชำระใจสำนึกผิดของผู้ถวายนั้น”
  • ฮีบรู 10:14 “โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์”
  • โรม 3:24 “แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว”
  • พระเจ้าไม่ได้หย่อนมาตรฐานของพระองค์ ความบาปก็คือบาป และบาปนั้นต้องตาย แต่พระเยซูผู้บริสุทธิ์ปราศจากบาป แต่ถูกทำให้บาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรม ผ่านทางพระองค์
  • 2โครินธ์ 5:21 “เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์”
  • โรม 5:9 “เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์”
  • กาลาเทีย 3:22-2622แต่พระคัมภีร์ได้บ่งว่าทุกคนอยู่ในความบาป เพื่อจะประทานตามพระสัญญาแก่คนทั้งปวง ที่เชื่อโดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นหลัก 23ก่อนที่ความเชื่อมานั้น เราถูกธรรมบัญญัติกักตัวไว้ ถูกกั้นเขตไว้จนความเชื่อจะปรากฏ 24เพราะฉะนั้นธรรมบัญญัติจึงควบคุมเราไว้จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ 25แต่บัดนี้ความเชื่อนั้นได้มาแล้ว เราจึงมิได้อยู่ใต้บังคับของผู้ควบคุมอีกต่อไปแล้ว 26เพราะว่า ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ”
  • นี่คือข้อ ที่กล่าวว่าเพื่อทำให้เราได้มีชีวิตร่วมกับพระองค์คือทำให้กับเราไม่ต้องถูกธรรมบัญญัติฟ้องเราอีกต่อไปเพราะพระโลหิตของพระคริสต์ได้ชำระเราให้ได้รับชีวิตใหม่แล้ว
  • 2โครินธ์ 3:6 “ผู้ทรงโปรดประทานให้เราสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่ อันมิใช่ประมวลกฎแต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ ด้วยว่าประมวลกฎนั้นประหารให้ตาย แต่ส่วนพระวิญญาณประทานชีวิต”
  • ยอห์น 8:34-36 “34พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป 35ทาสมิได้อยู่ในครัวเรือนตลอดไป บุตรต่างหากอยู่ตลอดไป 36เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริงๆ”
  1. เป็นชีวิตแห่งชัยชนะ (15)

  • ผู้เชื่อสามารถมีชีวิตแห่งชัยชนะ เพราะพระเยซูทำลายต้นต่อของความบาปคือมารซาตานที่กางเขนนั้น พระเยซูได้ประกาศตอนที่พระองค์สิ้นพระชนม์ที่กางเขนว่า สำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นภาษาของการรบที่ประกาศชัยชนะเหนือศัตรู
  • ศัตรูคือ มารที่คิดว่า ได้ทำลายพระบุตรของพระเจ้าแล้วที่กางเขน แต่ว่าหารู้ไม่ว่า นี่คือแผนการของสวรรค์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ได้กลับมาเป็นพลเมือง หรือเป็นลูกของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ที่หลังจากตกไปเป็นเชลยของมารหลังจากอาดัมทำบาป
  • 1โครินธ์ 15:21-22 “21เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น 22เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น”
  • 1โครินธ์ 15:54-5754…ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว 55โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ มัจจุราชเอ๋ย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน 56เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และฤทธิ์ของบาปคือธรรมบัญญัติ 57สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
  • ยากอบ 4:7 “เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป”
  • ยอห์น 3:16 “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”
  • ฤทธิ์ของมันคือ คำแช่งสาปจากธรรมบัญญัติ แต่พระเยซูก็ไถ่เราเรียบร้อยแล้ว
  • กาลาเทีย 3:16 “พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง)”
  • ลูกา 10:19 “ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย”
  • หากเรารู้ว่า มารอยู่ในฐานะผู้แพ้แล้ว และเราอยู่ในฐานะผู้ชนะแล้วในพระคริสต์ นั่นหมายถึงการดำเนินชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป จากอดีตที่พ่ายแพ้ กลายเป็นผู้มีชัยเราเป็นผู้มีชัยชนะแล้ว
  • 1ยอห์น 4:4 “ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก”
  • การดำเนินชีวิตคริสเตียน จึงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเราไม่ได้พึ่งกำลังตัวเองในการทำแต่โดยพึ่งพระกำลังจากพระเจ้าที่อยู่ในเรา เพียงอนุญาติให้ฤทธิ์อำนาจที่เหนือธรรมชาติของพระเจ้าได้ไหลผ่านชีวิตของเรา แล้วเราจะมีชัยชนะในทุกพื้นที่ในชีวิต
  • โรม 8:37 “แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย”

เราสมบูรณ์โดยพระคริสต์

เราสมบูรณ์โดยพระคริสต์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม

ข้อพระคัมภีร์ โคโลสี 2:8-128จงระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อด้วยหลักปรัชญา และด้วยคำล่อลวงอันเหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามภูตผีปิศาจของจักรวาล ไม่ใช่ตามพระคริสต์ 9เพราะว่าในพระองค์นั้น สภาพของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์10และท่านได้บรรลุถึงความครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้เป็นศีรษะแห่งปวงเทพผู้ครองและศักดิเทพ 11ในพระองค์นั้น ท่านได้รับพิธีเข้าสุหนัตที่มือมนุษย์มิได้กระทำ โดยที่ท่านได้สละกายเนื้อหนังเสียในการเข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์ 12และได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในพิธีบัพติศมาแล้ว และในพิธีนั้นท่านได้ฟื้นขึ้นมาจากตายกับพระองค์ด้วย โดยเชื่อในการกระทำของพระเจ้าผู้ได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมา”

  • กาลาเทีย 5:1-41เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย 2นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเปาโล ขอบอกท่านว่า ถ้าท่านรับพิธีเข้าสุหนัต พระคริสต์จะทรงทำประโยชน์อะไรให้แก่ท่านไม่ได้เลย 3ข้าพเจ้าเป็นพยานให้ทุกคนที่รับพิธีเข้าสุหนัตทราบอีกว่า เขาถูกผูกมัดให้ประพฤติตามธรรมบัญญัติทั้งสิ้น 4ท่านที่ปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมโดยธรรมบัญญัติ ก็ขาดจากพระคริสต์ และหล่นพ้นจากพระคุณไปเสียแล้ว”
  1. โดยผ่านทางพระคริสต์ (9-10)

  • สภาพของพระเจ้า ดำรงอยู่ในพระองค์อย่างบริบูรณ์ ความหมายคือ ความเป็นตรีเอกานุภาพนั่นเอง
  • 1โครินธ์ 3:16 “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน”
  • กาลาเทีย 3:27 “เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะสวมชีวิตพระคริสต์”
  • ความครบบริบูรณ์แบบนี้ เราไม่สามารถมีได้ หรือผลิตขึ้นได้ด้วยตัวเราเองยกเว้นผู้ที่มีอำนาจนั้นประทานให้เรา นั่นก็คือพระเจ้า
  • เอเฟซัส 2:8 “ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้”
  • โรม 6:22 “แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสของบาป และกลับมาเป็นทาสของพระเจ้าแล้ว ผลสนองที่ท่านได้รับก็คือการชำระให้บริสุทธิ์ และผลสุดท้ายคือชีวิตนิรันดร์”
  • ความบริบูรณ์ของพระเจ้า ทำให้เราเป็นผู้ความชอบธรรม
  • 2 โครินธ์ 5:21 “เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์”
  • พระเจ้ารักษามาตรฐาน บาปต้องตาย แต่พระเยซูมาจ่ายแทน แลกเปลี่ยน เอาบาปเรามา แล้วเอาความชอบความชอบธรรมให้เราแทน ความบริบูรณ์ของพระเจ้า ทำให้เรามีฤทธิ์อำนาจอยู่เหนือเทพผู้ครอบครอง และเหนือนามทุกสิ่ง
  • เอเฟซัส 1:20-2320ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงชุบให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย และให้สถิตเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน 21สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย 22พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร 23ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน”
  • ความครบบริบูรณ์ทั้งหมดนี้ เราได้รับผ่านพระเยซูที่กระทำให้กับเรา จึงเรียกสิ่งนี้ว่า “พระคุณ” พระคุณจึงหมายถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มอบให้กับเรา แม้เราไม่สมควรจะได้รับ และไม่ขึ้นกับกฎบัญญัติ
  • โรม 3:21-2421แต่บัดนี้ได้ปรากฏแล้วว่า ความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือกฎบัญญัติ ธรรมบัญญัติกับพวกผู้เผยพระวจนะเป็นพยานอยู่ 22คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน 23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า 24แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว”
  1. โดยพระคริสต์ทำให้สมบูรณ์ (11-12)

  • การเข้าสุหนัตในสมัยพันธสัญญาเดิม เป็นการแสดงออกภายนอกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นพงศ์พันธุ์แห่งพระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับอับราฮัมว่าจะเป็นบิดาของเขาและเป็นบิดาบรรดาประชาชาติ
  • ปฐมกาล 17:10-1110นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าที่จะสืบมา คือผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต 11เจ้าจงเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า นี่จะเป็นหมายสำคัญของพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า”
  • อพยพ 33:1 “พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ไปเถิด จงยกไปจากที่นี่ เจ้ากับประชากรซึ่งเจ้านำขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบว่า “แผ่นดินนั้นเราจะให้แก่เชื้อสายของเจ้า”
  • ผู้เชื่อได้เข้าสุหนัตแห่งพระคริสต์โดยทางความเชื่อก็คือเข้าในการบัติศมาในการตายของพระคริสต์ ก็คือเข้าในการถูกเฆียน ถูกทรมาน ถูกตรึงที่กางเขน และเลือดนั้นก็หลั่งออกมาเป็นเลือดแห่งพระสัญญา ที่เป็นภาพเดียวกันเช่นที่พระเจ้าได้ให้พระเยซูมาเป็นตัวแทนไถ่บาปเพื่อเราจะได้รับความบริบูรณ์จากพระเจ้า ทางพระคริสต์
  • มัทธิว 26:28 “ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งต้องหลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก”
  • เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาทำพระราชกิจของพระองค์สำเร็จที่ไม้กางเขน นั่นหมายถึง ความสมบูรณ์แห่งพันธสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้ตั้งแต่แรกก็ตกเป็นของผู้เชื่อทุกคน ผ่านทางพระเยซูคริสต์
  • กาลาเทีย 3:29 “และถ้าท่านเป็นของพระคริสต์แล้วท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นผู้รับมรดกตามพระสัญญา”
  • โรม 2:28-2928เพราะว่ายิวแท้ มิใช่คนที่เป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุหนัตแท้ก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น 29คนที่เป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุหนัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจ ตามพระวิญญาณมิใช่ตามตัวบทบัญญัติ คนอย่างนั้นพระเจ้าสรรเสริญ มนุษย์ไม่สรรเสริญ”
  • การดำเนินชีวิตคริสเตียนให้ความสำคัญกับการดำเนินในวิญญาณที่บังเกิดใหม่ในพระคริสต์
  • กาลาเทีย 6:15 “เพราะว่าการที่ถือพิธีเข้าสุหนัตหรือไม่ถือ ไม่เป็นของสำคัญอะไร แต่การที่ถูกสร้างใหม่นั้นสำคัญ”
  • การที่พระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์ สมบูรณ์นั้น มันไม่ใช่กระบวนการ แต่เป็นเรื่องที่เมื่อเราเชื่อ เราถูกทำให้เป็นเลย เหมือนกับเมื่อเราเชื่อพระเจ้า ทันทีนั้นเราได้รับความรอดเลย
  • โรม 10:9-109คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด”
  • เมื่อเราเชื่อในสัจจะความจริงของพระเยซูในความรอดนั้น ได้ทำให้เราได้รับความสมบูรณ์แบบ คือในความชอบธรรม ในการชำระให้บริสุทธิ์ และมีอำนาจครอบครองอย่างพระเจ้าเลย ฉะนั้นชีวิตคริสเตียนจึงไม่ใช่ค่อยๆบริสุทธิ์ เพราะมันไม่ใช่กระบวนการ
  • 2 โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
  • เราต้องยืนในตำแห่งที่ถูกในความชอบธรรมนี้ เราต้องหยุดวิถีแบบเดิมๆ ที่พยายามสร้างความชอบธรรมขึ้นจากตัวเองแต่ให้สร้างจิตสำนึกแห่งความชอบธรรมจากพระเจ้านี้และลงลึกในของประทานแห่งความชอบธรรมนี้แล้วเราจะเห็นวิถีชีวิตจะเปลี่ยนเอง