Foundation

วัตถุประสงค์มูลนิธิโดยพระคุณ
1.    เพื่อดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมจริยธรรมและคุณธรรมให้แก่สังคมซึ่งประกอบไปด้วย เด็ก เยาวชน ครอบครัว ผู้สูงอายุและบุคคลทั่วไปตามหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์
2.    เพื่อส่งเสริม  สนับสนุน การบริการด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านบริการสาธารณสุข แก่ผู้ยากไร้  ผู้ด้อยโอกาส  และ ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงร่วมมือกับองค์กรอื่นๆที่ให้บริการด้านดังกล่าวอยู่แล้ว
3.    เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานการจัดตั้งสถานศึกษา  สถานสงเคราะห์ สถานอบรมจริยธรรม ศูนย์หรือหน่วยงานพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมเมืองและชนบท
4.    เพื่อดำเนินการ และร่วมมือกับ ภาครัฐ เอกชน และองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
5.    เพื่อส่งเสริมและปฎิบัติศาสนกิจคริสเตียนตามหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์
6.    เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและช่วยเหลือการก่อสร้างอาคารสถานที่และการดำเนินงานอื่นๆของคริสตชน
7.    ไม่ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด

ผลของการเติบโตในทางพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ โคโลสี 2:6-7 “6เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสตเจ้าแล้วฉันใด จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ และมั่นคงอยู่ในความเชื่อ ตามที่ท่านได้รับคาสั่งสอนมาแล้ว และจงบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ”
1. ดำเนินชีวิตในทำงพระเจ้ำ (6)
 เมื่อเรำรับเอำควำมจริงของข่ำวประเสริฐในพระคริสต์แล้วก็ให้เรำดำเนินตำมชีวิตที่ได้ถูกย้ำยมำเป็นพลเมืองใหม่ในอำณำจักรแห่งควำมสว่ำง เป็นชีวิตที่ดำเนินในพระคุณ
1) ช่วยเรำให้รอด
 อฟ. 2:8 “ด้วยว่าซึ่งเราทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเราทั้งหลายกระทาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้”
2) ช่วยเรำเผชิญปัญหำ
 ฟป 4:13 “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกาลังข้าพเจ้า”
3) ช่วยเรำในกำรรับใช้
 กจ 6:8 “ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระคุณและฤทธิ์เดชจึงทาการมหัศจรรย์ และทาการเป็นนิมิตใหญ่ท่ามกลางประชากร”
 รม 9:15-16 “15เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาผู้นั้น 16เพราะฉะนั้นทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจหรือการตะเกียกตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า”
 กท 2:20 “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดาเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดาเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า”
 ยอห์น 14:10 “ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คาซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเรา ได้ทรงกระทาพระราชกิจของพระองค์”
 เรำได้บัพติศมำเข้ำในควำมตำยและฝัง ร่วมกับพระเยซู และฟื้นขึ้นใหม่ด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้ำร่วมกับพระเยซู
 รม 6:4 “เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝัง ไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดาเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน”
 สดด 119:105 “พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสาหรับเท้าของข้าพระองค์และเป็นความสว่างแก่มรคาของข้าพระองค์”
 1 คร 2:10 “พระเจ้าได้ทรงสาแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้าลึกของพระเจ้า”
2. หยั่งรำกและก่อตัวขึ้นในพระเยซู (7)
 สร้ำงตนขึ้น ในควำมรู้ และควำมเข้ำใจที่ได้รับมำจำกควำมจริงของข่ำวประเสริฐในพระเยซูคริสต์
 อฟ 4:14 “เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคาสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง”
 1ปต2:2 “เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้านมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์(ไร้สิ่งเจือปน ฉบับแปลใหม่) เพื่อโดยน้านมนั้นจะทาให้ท่านทั้งหลายเจริญขึ้นสู่ความรอด”
 2 คร 4:18 “เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์”
 ยก 1: 22-25 “22แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการลวงตนเอง 23เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะ และไม่ได้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตัวในกระจกเงา 24เพราะว่าเมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป และก็ลืมในทันทีนั้นว่าตัวเองเป็นอย่างไร 25แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติ ซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งอยู่ในพระบัญญัตินั้น มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะได้รับความสุขเพราะการประพฤติปฏิบัติของตน”
 เอเฟซัส 4:13 “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์”
 มัทธิว 19:26 “พระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวก และตรัสว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกาลังที่จะทาได้ แต่พระเจ้าทรงกระทาให้สาเร็จได้ทุกสิ่ง”

ล่อลวงไม่หลง มั่นคงในพระคริสต์

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธุ์ 2018

ข้อพระคัมภีร์ โคโลสี 2:4-54ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อมิให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยคำชักชวนอันน่าฟัง 5เพราะถึงแม้ว่าตัวของข้าพเจ้าไม่อยู่กับท่าน แต่ใจของข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน และมีความชื่นชมยินดีที่ได้เห็นท่านอยู่กันอย่างเรียบร้อย และเห็นความเชื่อมั่นคงของท่านในพระคริสต์”

  1. ล่อลวงไม่หลง (4)
  • โคโลสี 2:3 “ความรู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์”
  • บัดนี้ได้เปิดเผยสำแดงแล้วผ่านทางกางเขนของพระองค์ เมื่อเราได้รับรู้ว่าในพระคริสต์ เรามีอะไร เป็นอะไร และสามารถอะไรในพระองค์ เมื่อเราตัดสินใจเชื่อวางใจในพระองค์
  • โคโลสี 1:27 “พระเจ้าทรงชอบพระทัยที่จะสำแดงให้ธรรมิกชนเหล่านั้นรู้ว่า ในหมู่คนต่างชาตินั้นอะไรเป็นความมั่งคั่งแห่งข้อล้ำลึกนี้ คือที่พระคริสต์ทรงสถิตในท่าน อันเป็นที่หวังแห่งศักดิ์ศรี”
  • มารเป็นพ่อแห่งการมุสา หรือการลวงหลอก และเป็นสันดานของมัน คือไม่มีสัจจะ มารได้ใช้วิธีการล่อลวงตั้งแต่ปฐมกาล เพื่อนำคนออกจากวิถีของพระเจ้า
  • ยอห์น 8:44 “ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา”
  • โคโลสี 2:8 “จงระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อด้วยหลักปรัชญา และด้วยคำล่อลวงอันเหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามภูตผีปิศาจของจักรวาล ไม่ใช่ตามพระคริสต์”
  • เปาโลยกตัวอย่าง หลักปรัชญา นี่เป็นแนวคิดคนต่างชาติคือกรีกสมัยนั้นที่คิดว่าทันสมัยเช่นสามนักปราชญ์เมธี เพลโต โซเคติส อลิสโตเติ้ล แนวคำสอนของนอสติค คือไม่มีพระเจ้านั่นเอง ตำนานของมนุษย์ ในที่นี้คือคำสอนของบรรพบุรุษของยิวที่พยายามดึงผู้เชื่อให้กลับไปสู่การทำตามธรรมบัญญัติดั้งเดิมนั้นเอง ส่วน ภูตผีปีศาจ ก็เป็นเรื่องพวกพ่อหมดหมอผี ดูดวงชะตา ทำให้ออกห่างพระคริสต์
  • 2 โครินธ์ 5:21 “เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์”
  • 1เปโตร 2:24 “พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย”
  • 2 โครินธ์ 8:9 “เพราะท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี”
  • กาลาเทีย 3:13 “พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา”
  • โคโลสี 2:15 “พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น”
  • ยอห์น 8:31-3231พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง 32และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”
  • ฮีบรู 13:8-9  “8พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไปเป็นนิจกาล 9อย่าหลงไปตามคำสอนต่างๆที่แปลกๆเพราะว่าเป็นการดีอยู่แล้วที่จะให้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณ”
  • พระคุณคือ? สิ่งที่พระคริสต์ทำให้ นั่นเอง!!! หน้าที่ของมารก็คือล่อลวง หากเราไม่มั่นคงในความจริงในพระคริสต์ ก็มีคำพยากรณ์อยู่ว่า ยุคสุดท้ายจะมีการถูกทำให้หลงไปจากความจริงในพระคริสต์
  • 2 ทิโมธี 4:1 “พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปิศาจ”
  • กาลาเทีย 1:6-86ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจ ที่พวกท่านพากันละทิ้งพระองค์ไปอย่างรวดเร็ว พระองค์ทรงเรียกท่านมาโดยพระคุณของพระคริสต์ แต่ท่านกลับหันไปหาข่าวประเสริฐอื่นเสีย 7ความจริงข่าวประเสริฐอื่นไม่มี แต่ว่ามีบางคนที่ทำให้ท่านยุ่งยาก และปรารถนาที่จะบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ 8แม้แต่เราเองหรือทูตสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป”
  • 2โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
  1. มั่นคงในพระคริสต์ (5)
  • คนที่มั่นคงในพระคริสต์ดูจาก 2สิ่งคือ 1) แม้เปาโลไม่อยู่ด้วยพวกเขาก็อยู่ได้ด้วยดีเพราะเหตุเข้าใจความจริงข่าวประเสริฐและการอยู่ร่วมกันนั้น เราเป็นพระกายรักเขาคือรักเรา ช่วยเขาคือช่วยเรารับใช้เขาคือรับใช้เรา นี่คือคริสตจักร 2) ความเชื่อที่มั่นคงในพระคริสต์ ให้ความหมายถึง ความเชื่อที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกชอบ
  • 1โครินธ์ 12:25-2725เพื่อไม่ให้มีการแก่งแย่งกันในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนพะวงซึ่งกันและกัน 26ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติอวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย 27ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น”

เราจะเริ่มเชื่อ และทำอย่างที่พระเจ้าอยากให้เราทำ เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากสองส่วน คือ

  1. ส่วนที่พระเจ้าทำให้กับเราได้รับแล้วทั้งหมดผ่านทางพระเยซูคริสต์
  2. ส่วนของเราคือการรับข้อมูลใหม่ผ่านทางพระวจนะ หรือพระสัญญาพระเจ้า ด้วยความเชื่อ
  • มาระโก 11:22-2422พระเยซูจึงตรัสตอบเหล่าสาวกว่า “จงเชื่อในพระเจ้าเถิด 23เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดๆจะสั่งภูเขานี้ว่า “จงลอยไปลงทะเล” และมิได้สงสัยในใจแต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นตามนั้นจริง 24เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น”

หลักพระเจ้าเชื่อจากข้างในสู่ภายนอก Inside out!

1.เราต้องยอมรับว่า เราทำด้วยกำลังตัวเองไม่ได้

2.รับพระวจนะเข้ามาเปลี่ยนแนวคิดใหม่

  • ให้รับว่านี้คือตัวจริงของเรา ที่ธรรมชาติใหม่ในพระเจ้าได้เกิดขึ้นในเรา นำมาใคร่ครวญพระวจนะที่เป็นฤทธิ์เดช จะทำงานร่วมกับพระวิญญาณของพระเจ้าที่ประทับอยู่ในเราออกมาให้เป็นจริงได้
  • ยากอบ 1:21 “ …จงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายให้รอดได้”
  • ฮีบรู 12:1 “เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา”
  • ชีวิตในพระคริสต์จะไม่ถูกหลอก หรือล่อลวงได้โดยง่าย และยิ่งกว่านั้น จะทำให้พวกเขาได้มั่นคงในพระคริสต์อีกด้วย
  • 1 ทิโมธี 4:7-87อย่าใส่ใจกับเทพนิยายอันหาสาระมิได้ จงฝึกตนในทางธรรม 8เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย
  • โรม 8:37 “แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้น โดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย”

ความยินดีในพระเจ้า เป็นกำลังของเรา

ความยินดีในพระเจ้า เป็นกำลังของเรา

คริสตจักรโดยพระคุณ | บทเรียนแคร์ประจำวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2018

ข้อพระคัมภีร์ เนหะมีย์ 8:10   แล้วท่านพูดกับเขาทั้งหลายว่า “ไปเถิด ไปรับประทานไขมันและดื่มน้ำหวาน และส่งส่วนอาหารไปให้คนที่ไม่มีอะไรเตรียมไว้ เพราะว่าวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าโศกเศร้าเลย เพราะความชื่นบานของตนในพระเจ้าเป็นกำลังของท่าน”

  • คริสเตียนเปรียบเหมือนผู้โฆษณาพระเจ้า เราเปรียบเหมือนหนังสือของพระคริสต์ให้คนทั้งปวงได้รู้ได้อ่าน คนยังไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงแสนดีอย่างไร แต่คนจะรู้ได้ ก็โดยชีวิตและอุปนิสัยของเราที่แสดงออกมา
  • ความชื่นชมยินดี เป็นลักษณะที่สะท้อนให้ผู้คนได้รู้ว่า การมีชีวิตในพระคริสต์ดีอย่างไร

 

  1. เพราะความยินดีของพระเจ้าอยู่ในเรา เราจึงยินดี
  • พระเยซูคริสต์ได้ประทานความชื่นชมยินดีให้กับเรา เพื่อเราจะได้นำความชื่นชมยินดีนั้นออกมา ไม่ใช่ความยินดีแบบโลกที่เกิดจากวัตถุสิ่งของ แต่เป็นความยินดีขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ภายในเรา
  • ยอห์น15:11 “ นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเรา ดำรงอยู่ในท่านและให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม ”
  • คำว่า เต็มเปี่ยม หมายถึง ไหลล้นออกมา ดังนั้นความยินดีของพระเจ้าจะไหลล้นออกมาในชีวิตของเราเสมอ
  • บางครั้งเราอาจพบเจออุปสรรคที่จะทำให้เราขาดความชื่นชมยินดี แต่พระวจนะได้สอนเราให้รู้ว่า แผ่นดินของพระเจ้าที่อยู่ในผู้เชื่อนั้น คือความชื่นชมยินดี ให้เรารักษาไว้ อย่าปักใจในสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต

 

  1. มองปัญหาด้วยมุมมองของพระเจ้า แล้วเราจะชื่นชมยินดี
  • โรม15:13 “ ขอพระเจ้าแห่งความหวังทรงโปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความชื่นชมยินดี และสันติสุขในความเชื่อ เพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์”
  • เปาโลได้สอนเราให้มีมุมมองในความจริงในข้อนี้ ว่าพระจ้าที่เราเชื่อและหวัง จะประทานความชื่นชมยินดีให้กับเรา และเมื่อเราชื่นชมยินดีแล้ว สิ่งที่ตามมาคือประสบการณ์แห่งฤทธิ์เดช ทุกปัญหาในชีวิตเราจะเปี่ยมด้วยความหวัง
  • ลก6:22-23 ” 22ท่านทั้งหลายจะเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายจะเกลียดชังท่าน และจะไล่ท่านออกจากพวกเขา และจะประณามท่าน และจะเหยียดชื่อของท่านว่าเป็นคนชั่วช้า เพราะท่านเห็นแก่บุตรมนุษย์  23ในวันนั้นท่านทั้งหลายจงชื่นชม และเต้นโลดด้วยความยินดีเพราะ ดูเถิด บำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะว่าบรรพบุรุษของเขา ได้กระทำอย่างนั้นแก่พวกผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน

 

  1. เมื่อเรามีกำลังในพระเจ้า เราจะรับใช้ด้วยความยินดี
  • 1เธสะโลนิกา3:8 “ เพราะว่าเมื่อท่านมั่นคงอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเราก็สดชื่น”
  • เริ่มจากการที่เราให้ความยินดีของพระเจ้าในชีวิต ไหลล้นออกมา เราจะเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็งและมีกำลัง เมื่อมีกำลัง เราจะรับใช้งานพระเจ้าด้วยความเต็มใจและยินดี
  • โคโลสี1:11 “ ขอให้ท่านมีกำลังมากขึ้นทุกอย่างโดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี”

สรุป  ความชื่นชมยินดีในพระเจ้า ทำให้

เรามีกำลังของพระเจ้าแทนกำลังอันเล็กน้อยของเรา จึงทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่เหนือธรรมชาติได้ หากเราตัดสินใจให้ความชื่นชมยินดีที่อยู่ในตัวเราได้สำแดงออกมา เราจะมีกำลังและชัยชนะในทุกสถานการณ์  เพราะแผ่นดินของพระเจ้า คือความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดี

ครั้งที่ 15 แนวทางรูปแบบการอธิษฐาน 6

[vc_row][vc_column width=”1/4″][/vc_column][vc_column width=”1/2″][youtube video=”https://www.youtube.com/watch?v=gmS25BfqfXI” allowfullscreen=”true” autohide=”Default” controls=”Always”][/vc_column][vc_column width=”1/4″][/vc_column][/vc_row]

เตรียมดิน เตรียมใจ หว่านอะไรก็เกิดผล

[vc_row][vc_column width=”1/4″][/vc_column][vc_column width=”1/2″][youtube video=”https://www.youtube.com/watch?v=SVCi5wxkKv4&feature=youtu.be” allowfullscreen=”true” autohide=”Default” controls=”Always”][/vc_column][vc_column width=”1/4″][/vc_column][/vc_row]

มูลนิธิ

วัตถุประสงค์มูลนิธิโดยพระคุณ
1.    เพื่อดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมจริยธรรมและคุณธรรมให้แก่สังคมซึ่งประกอบไปด้วย เด็ก เยาวชน ครอบครัว ผู้สูงอายุและบุคคลทั่วไปตามหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์
2.    เพื่อส่งเสริม  สนับสนุน การบริการด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านบริการสาธารณสุข แก่ผู้ยากไร้  ผู้ด้อยโอกาส  และ ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงร่วมมือกับองค์กรอื่นๆที่ให้บริการด้านดังกล่าวอยู่แล้ว
3.    เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินงานการจัดตั้งสถานศึกษา  สถานสงเคราะห์ สถานอบรมจริยธรรม ศูนย์หรือหน่วยงานพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมเมืองและชนบท
4.    เพื่อดำเนินการ และร่วมมือกับ ภาครัฐ เอกชน และองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
5.    เพื่อส่งเสริมและปฎิบัติศาสนกิจคริสเตียนตามหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์
6.    เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและช่วยเหลือการก่อสร้างอาคารสถานที่และการดำเนินงานอื่นๆของคริสตชน
7.    ไม่ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด